ภาวะตลาดหุ้นประจำวันที่ 7 ก.พ.
ดัชนี-ตลาด ปิดที่ระดับ เปลี่ยนแปลง
ดาวโจนส์-ตลาดหุ้นนิวยอร์ค 13,944.05 - 42.47
FTSE-ตลาดหุ้นลอนดอน 6,228.42 - 66.92
DAX-ตลาดหุ้นเยอรมนี 7,590.85 + 9.67
CAC-40-ตลาดหุ้นฝรั่งเศส 3,601.05 - 41.85
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นมะนิลา 6,459.99 + 28.64
เวทเต็ด-ตลาดหุ้นไต้หวัน ตลาดปิดทำการ
S&P/ASX-ตลาดหุ้นออสเตรเลีย 4,935.70 + 14.70
นิกเกอิ-ตลาดหุ้นโตเกียว 11,357.07 - 106.68
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นโซล 1,931.77 - 4.42
ฮั่งเส็ง-ตลาดหุ้นฮ่องกง 23,177.00 - 79.93
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นมาเลเซีย 1,619.57 + 5.43
FTSE STI-ตลาดหุ้นสิงคโปร์ 3,261.77 - 14.76
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นจาการ์ตา 4,503.14 + 4.17
SET-ตลาดหุ้นไทย 1,499.81 - 0.54
SET-50-ตลาดหุ้นไทย 999.93 - 1.09
SET-100-ตลาดหุ้นไทย 2,225.15 - 1.58
ราคาพันธบัตรปิดบวก -- ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปิดพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี ขณะที่นัก
ลงทุนซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี)
ได้ตั้งข้อสังเกตถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจยูโรโซนกำลังเผชิญอยู่ ซึ่งลดความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง
ของนักลงทุน ทั้งนี้ ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปีปิดเพิ่มขึ้น 03/32 ที่ 97-03/32 โดยมีผลตอบแทน
1.954% และราคาพันธบัตรอายุ 30 ปีปิดเพิ่มขึ้น 03/32 ที่ 92-03/32 โดยมีผลตอบแทน 3.162%
ถ้อยแถลง"ดรากี"กดยูโรร่วงลง -- ยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์และเยนในวันพฤหัสบดี
หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) แสดงความกังวลต่อการแข็งค่าของยูโร
และกล่าวถึงความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ โดยถ้อยแถลงดังกล่าวบ่งชี้ว่ามีโอกาสมากยิ่งขึ้นที่อีซีบีจะปรับลด
อัตราดอกเบี้ยลงในอนาคต ทั้งนี้ ดอลลาร์อยู่ที่ 93.58 เยน ขยับลง 0.1 % จากระดับปิดตลาดวันพุธที่
93.63 เยน ส่วนยูโรอยู่ที่ 1.3398 ดอลลาร์ ร่วงลง 0.9% จาก 1.3520 ดอลลาร์ ทางด้านยูโร/
เยนอยู่ที่ 125.38 เยน ดิ่งลง 1% จาก 126.60 เยน
กังวลสต็อกน้ำมันกดน้ำมันดิบปิดร่วง 79 เซนต์ -- ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX
ร่วงลงในวันพฤหัสบดี โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบอาจเพิ่มสูงขึ้นในภูมิภาคมิด
เวสท์ของสหรัฐ ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 79 เซนต์ มาปิดตลาดที่ 95.83 ดอลลาร์
ต่อบาร์เรล
ทองร่วงลงขณะตลาดกังวลกับศก.ยูโรโซน -- ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐร่วงลง 6.42 ดอล
ลาร์ สู่ 1,670.69 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดีท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่ผันผวน
หลังจากถ้อยแถลงของนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ทำให้นักลงทุนกลับมากังวล
เรื่องเศรษฐกิจยูโรโซนอีกครั้ง ทั้งนี้ ราคาทองส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 7.50 ดอล
ลาร์ ที่ 1,671.30 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดลดลง 47.40 เซนต์ ที่
31.403 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนที่ตลาด NYMEX ราคาพลาตินั่มส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดร่วงลง 14.20 ดอล
ลาร์ ที่ 1,722.30 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดร่วงลง 14.35 ดอลลาร์
ที่ 750.45 ดอลลาร์/ออนซ์
SET:ปัจจัยจับตาการลงทุนวันนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐและราคาน้ำมันดิบปรับลง
ต่างประเทศ
*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี ดัชนีดาวโจนส์ ปิดลบ 0.3% โดยได้รับแรง
กดดันจากถ้อยแถลงของนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี)
ในเรื่องยูโรและแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรป
*วานนี้ ตลาดหุ้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่ขยับขึ้นเล็กน้อย ขณะรอผลการ
ประชุมของธนาคารกลางยุโรป ส่งผลให้ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์, เวียดนาม, อินโดนีเซีย
และมาเลเซีย ปรับตัวขึ้นตามกัน ส่วนสิงคโปร์ อ่อนตัว 0.45%
*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดวานนี้ ร่วงลง 79 เซนต์
ปิดที่ 95.83 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลว่าสต็อกน้ำมันดิบ
อาจเพิ่มสูงขึ้นในภูมิภาคมิดเวสท์ของสหรัฐ
*ดัชนีค่าระวางเรือ(Baltic Dry Index) ปิดวานนี้ บวก 9 จุด หรือ 1.22% สู่ระดับ
749 โดยระดับสูงสุดของปีนี้อยู่ที่ 838 และระดับต่ำสุดของปีนี้อยู่ที่ 698
*กระทรวงแรงงานสหรัฐ เผยวานนี้ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
ลดลง 5 พันราย สู่ 3.66 แสนรายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุด 2 ก.พ. จาก 3.71 แสนราย
ในช่วงสัปดาห์สิ้นสุด 26 ม.ค. ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ คาดไว้ที่ 3.60 แสนราย
เศรษฐกิจทั่วไป
*ธปท.ประเมินสินเชื่ออุปโภคบริโภคในปีนี้ ยังมีแนวโน้มขยายตัวสูงตามการเติบโตของ
สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง จากแรงผลักดันของมาตรการคืนภาษี
รถยนต์คันแรก โดยยังไม่เห็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วงในสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์
และมองการเติบโตของสินเชื่อภาคดังกล่าวเมื่อปีก่อน ในภาพรวมยังไม่ผิดปกติ แต่
อาจจะเติบโตสูงในสินเชื่อคอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภค
*ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น
ผู้บริโภคเดือนม.ค.56 เพิ่มติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 มาที่ 81.7 และเป็นระดับ
สูงสุดในรอบ 16 เดือน นับตั้งแต่ต.ค.54 โดยกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับ
ช่วงก่อนน้ำท่วมใหญ่ในไทยเมื่อเดือนก.ย.54
*บลจ.วรรณ แนะนักลงทุนใช้จังหวะที่ตลาดหุ้นไทยถูกขายทำกำไรในเดือนก.พ.ทยอย
เข้าซื้อสะสมหุ้นเพิ่มเติม หลังมองสภาพคล่องที่ยังล้นระบบ และอัตราดอกเบี้ยที่
อยู่ในระดับต่ำ ยังเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยง
*มท.เล็งเสนอครม.ขึ้นเงินเดือนผู้ว่าฯข้าราชการการเมืองกทม. 5% ให้มีผลย้อนหลัง
ตั้งแต่ 1 เม.ย.54 อ้างภาวะทางเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นมาก
(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
*ทูตพาณิชย์ในสหรัฐ เผยผู้นำเข้าเริ่มหันนำเข้าสินค้าจากแหล่งอื่นทดแทนไทย หลัง
สินค้าไทยในรูปเงินดอลลาร์มีราคาแพงขึ้น สมาคมเอสเอ็มอี ระบุ ผู้ประกอบการ
เจรจาเปลี่ยนสกุลเงินค้าขาย ใช้เงินบาทและเงินสกุลท้องถิ่นของคู่ค้าแทนดอลลาร์
สหรัฐ ลดคนงาน ปรับโลจิสติกส์ หวังประคองธุรกิจ วอนรัฐแทรกแซงไม่ให้หลุดกรอบ
30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
*"ชัชชาติ" รับข้อเสนอองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ป้องกันการฮั้วประมูลโครงการลงทุน
ภาครัฐ 2 ล้านล้านบาท จับมือทุกฝ่ายเซ็นสัญญาคุณธรรม เปิดเผยข้อมูลตั้งต้นจนจบ
รับปาก "ไม่รับ-ไม่จ่าย" สินบน ลั่นพร้อมเปิดให้ตรวจสอบโครงการรัฐทุกโครงการ
สั่งปลัดกระทรวงทำรายละเอียด ข้อบังคับกฎหมายให้เสร็จภายใน 1 เดือน ประเดิม
ใช้กับโครงการสุวรรณภูมิเฟส 2 และมอเตอร์เวย์(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
*วุฒฯส่งหนังสือ"วีรพงษ์" ระบุ "กิตติรัตน์"เข้าข่ายข่มขู่ธปท. ขณะ"ทนง"ชี้เป็น
การแทรกแซงนโยบายการเงิน เชื่อไม่สำเร็จ เพราะเป็นเรื่องศักดิ์ศรี
(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
*"กิตติรัตน์"ระบุ รัฐบาลจะดูแลเงินฝากของเอสเอ็มอีแบงก์ และธนาคารอิสลาม
แห่งประเทศไทย อย่างเต็มที่ หากมีปัญหาจากหนี้เสียที่เกิดขึ้นจำนวนมากในขณะนี้
จึงไม่ต้องการให้ผู้ฝากเงินตื่นตระหนก(นสพ.โพสต์ทูเดย์)
การเมือง
*โฆษกกอ.รมน.เผยว่า ตั้งแต่เดือนต.ค.55 ถึงปัจจุบัน มีชาวโรฮิงญา หลบหนีเข้าไทย
แล้วประมาณ 5.9 พันคน ซึ่งไทยยืนยันไม่มีนโยบายจัดตั้งศูนย์พักพิง แต่จะดูแล
ชั่วคราวภายใน 6 เดือน เพื่อประสานประเทศต้นทางรับกลับ และขอความร่วมมือ
ประเทศที่สามช่วยแก้ปัญหาด้วย
*"ปชป"ตั้งกระทู้ ทวงถามผลการตรวจสอบโครงการทุจริตรับจำนำข้าว พร้อมโชว์หลักฐาน
กระสอบข้าวเปลือกเน่า อ้างนำมาจากชาวนา จ.สุรินทร์ ในโครงการรับจำนำปี 55/56
ด้าน"ณัฐวุฒิ" ยันโครงการยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ กำหนดแล้วเสร็จใน 90 วัน
(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
*"เสรีพิศุทธ์"ส่งตัวแทนร้องกกต.กทม.สอบ "สวนดุสิตโพล" เผยผลสำรวจชี้นำ-ขัดแย้ง
ความเป็นจริง ชี้"สุขุม"มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับรัฐบาล ด้านประธานกกต.กทม.นำ
คำร้องสอบโพลล์เข้าพิจารณาวันนี้ เอแบคโพลล์ชี้คนพักอาศัย อพาร์ทเมนท์ส่วนใหญ่
จะเลือก"พงศพัศ" ขณะที่คนอยู่ทาวน์เฮ้าส์ส่วนใหญ่หนุน"สุขุมพันธุ์"
(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
*มทภ.4 ค้าน"เฉลิม"ประกาศเคอร์ฟิวชายแดนใต้ ยัน "กรงปินัง-ยะหริ่ง" ไม่รุนแรง
ย้ำพร้อมปฏิบัติตามหากรัฐบาลสั่ง ด้าน "เฉลิม"ฉุน"สุกำพล"เบรก เคอร์ฟิว
(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
SET:คาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งแคบถึงซึมลง,ตลาดตปท.ปรับตัวลง-ต่างชาติขายถ่วง
*นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ คาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในกรอบแคบ ถึงซึมตัวลงตาม
ทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง ขณะที่ยังต้องจับตาแรงขายสุทธิ
ของนักลงทุนต่างชาติที่มีออกมาต่อเนื่อง เป็นปัจจัยจิตวิทยาที่กดดันต่อตลาด
*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี โดยดัชนีดาวโจนส์ ลบ 0.3% ขณะที่ตลาด
ได้รับแรงกดดันจากถ้อยแถลงของนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป
(อีซีบี)ในเรื่องยูโร และแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรป
*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดวานนี้ ลดลง 79
เซนต์ มาที่ 95.83 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า
สต็อกน้ำมันดิบอาจเพิ่มสูงขึ้นในภูมิภาคมิดเวสท์ของสหรัฐ
*วันพฤหัสบดีต่างชาติขายสุทธิ 3.04 พันลบ.จากวันพุธขายสุทธิ 2.29 พันลบ.
*เช้านี้บาท/ดอลลาร์ อยู่ที่ 29.77/81 เมื่อวันพฤหัสบดีอยู่ที่ 29.76/77
*นักวิเคราะห์มองแนวรับที่ 1,490 และ 1,485 ส่วนแนวต้านที่ 1,510 จุด
"ตลาดน่าจะอยู่ในทิศทางกรอบแคบ ออกไปทางด้านซึมลง...บ้านเรามีเรื่องของ
fund flow ที่ขายสุทธิเข้ามา แต่เม็ดเงินในประเทศยังรับอยู่ ทำให้การขึ้นค่อนข้างแคบ"
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ตลาดทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าว
เขา เห็นว่าการขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ น่าจะเป็นปัจจัยด้านจิตวิทยาเชิงลบ
ต่อตลาดหุ้นไทย ขณะที่มองว่าช่วงนี้นักลงทุนต่างชาติอาจเคลื่อนย้ายเงินจากตลาดหุ้นไทยไป
อยู่ที่ตลาดพันธบัตร เพื่อรอดูทิศทางอัตราดอกเบี้ยและค่าเงินให้มีความชัดเจนก่อน
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยหนุน จากการทยอยประกาศผลประกอบการงวด
ปี 55 ของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ขณะที่มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทย อาจจะชะลอตัวลงบ้าง
หลังบางตลาดในเอเชีย หยุดทำการในเทศกาลตรุษจีน
ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญ
*ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันพฤหัสบดี ปิดลบ 0.54 จุด หรือ 0.04% มาที่
1,499.81 ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 58,318.43 ล้านบาท
*ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เมื่อวานนี้ ปิดลบ 42.47 จุด หรือ 0.3% มาที่
13,944.05 และดัชนีแนสแดค ปิดลบ 3.34 จุด หรือ 0.11% มาที่ 3,165.13
*ตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ ส่วนใหญ่ปรับขึ้น โดยตลาดหุ้นสิงคโปร์ บวก 0.02%,
ญี่ปุ่น ลบ 1.1%, เกาหลีใต้ บวก 0.52%, ฮ่องกง บวก 0.24% ส่วนตลาดหุ้นไต้หวัน
ปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน ตั้งแต่วันที่ 7-15 ก.พ.
จับตาหุ้น
*ASP หลังบล.เอเซีย พลัส คาดรายได้อนุพันธ์ปีนี้โต 20-30%
*LHBANK ตั้งเป้ากำไรสุทธิปีนี้โตกว่า 15%, คาดสินเชื่อรวมโต 25-30%
*ADVANC หลังเผยปี 55 กำไรสุทธิเพิ่มเป็น 3.49 หมื่นลบ.-ปันผลหุ้นละ 5 บาท
พร้อมคาดรายได้การให้บริการปีนี้โต 6-8%
*DELTA คาดกำไรจากการดำเนินงานปี 56 เติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก
*BAFS เผยปริมาณเติมน้ำมันเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 2.41%
*ROJNA รุกตลาดปราจีนฯหลัง"ฮอนด้า"ตั้งรง.ใหม่,เป้าปี 55-56 ขาย 3 พันไร่
*WHA แหล่งข่าวระบุ กลุ่มอนันตประยูร ขายบิ๊กล็อตวานนี้ราว 3.9% เพิ่มฟรีโฟลต
*SSC เล็งซื้อกิจการเครื่องดื่มเพิ่ม หนุนธุรกิจโต,ได้ประโยชน์จาก F&N
*Q-CON กำไรสุทธิปี 55 เพิ่มเป็น 398 ลบ.,ปันผลหุ้นละ 0.32 บาท
*MBKET จะจ่ายปันผลงวด H2/55 ในอัตราหุ้นละ 0.90 บาท -
No comments:
Post a Comment