ภาวะตลาดหุ้นประจำวันที่ 6 ส.ค.
ดัชนี-ตลาด ปิดที่ระดับ เปลี่ยนแปลง
ดาวโจนส์-ตลาดหุ้นนิวยอร์ค 13,117.51 + 21.34
FTSE-ตลาดหุ้นลอนดอน 5,808.77 + 21.49
DAX-ตลาดหุ้นเยอรมนี 6,918.72 + 53.06
CAC-40-ตลาดหุ้นฝรั่งเศส 3,401.56 + 27.37
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นมะนิลา 5,284.16 - 1.75
เวทเต็ด-ตลาดหุ้นไต้หวัน 7,286.33 + 68.82
S&P/ASX-ตลาดหุ้นออสเตรเลีย 4,272.60 + 51.10
นิกเกอิ-ตลาดหุ้นโตเกียว 8,726.29 + 171.18
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นโซล 1,885.88 + 37.20
ฮั่งเส็ง-ตลาดหุ้นฮ่องกง 19,998.72 + 332.54
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นมาเลเซีย 1,639.43 + 4.39
FTSE STI-ตลาดหุ้นสิงคโปร์ 4,105.49 + 5.68
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นจาการ์ตา 3,071.82 + 20.49
SET-ตลาดหุ้นไทย 1,208.01 + 10.48
SET-50-ตลาดหุ้นไทย 833.52 + 8.05
SET-100-ตลาดหุ้นไทย 1,815.38 + 16.94
ราคาพันธบัตรปิดบวกก่อนประมูล -- ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปิดเพิ่มขึ้นในวันจันทร์
ก่อนการประมูลขายพันธบัตรในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจตอกย้ำว่านักลงทุนมีความเต็มใจมากเพียงใดใน
การซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอนของตลาดทั่วโลก ทั้งนี้ ราคาพันธบัตรอายุ 10
ปีปิดบวก 03/32 สู่ระดับ 101-23/32 โดยมีผลตอบแทน 1.560% และราคาพันธบัตรอายุ 30
ปีปิดบวก 01/32 สู่ระดับ 107-07/32 โดยมีผลตอบแทน 2.648%
ยูโรแข็งค่ารับความหวังอีซีบีซื้อบอนด์ยุโรป -- ยูโรปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ใน
วันจันทร์ โดยปรับตัวขึ้นต่อจากวันศุกร์จากความหวังว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะดำเนิน
มาตรการเพื่อลดต้นทุนการกู้ยืมของสเปนและอิตาลี ทั้งนี้ ดอลลาร์อยู่ที่ 78.200 เยน เทียบกับ
ระดับปิดตลาดวันศุกร์ที่ 78.450 เยน ส่วนยูโรอยู่ที่ 1.2402 ดอลลาร์และ 96.980 เยน เทียบ
กับระดับปิดตลาดวันศุกร์ที่ 1.2385 ดอลลาร์และ 97.170 เยน
น้ำมันดิบปรับขึ้นตามตลาดหุ้น -- ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดปรับขึ้นเป็น
วันที่สองติดต่อกันในวันจันทร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับขึ้นของตลาดหุ้นและจากภาวะปั่นป่วน
วุ่นวายในตะวันออกกลาง ซึ่งส่งผลให้ค่าพรีเมียมความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบ
เดือนก.ย.ปรับขึ้น 80 เซนต์ หรือ 0.9% มาปิดตลาดที่ 92.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ทองปรับขึ้นตามตลาดหุ้น,ราคาน้ำมันดิบ -- ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 9.56
ดอลลาร์ หรือ 0.6% สู่ 1,612.56 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ โดยได้รับแรงหนุน
จากการปรับขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐและราคาน้ำมันดิบ อย่างไรก็ดี วอลุ่มการซื้อขายในวันจันทร์ถือ
เป็นหนึ่งในวอลุ่มการซื้อขายที่ต่ำที่สุดของปีนี้ และสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนไม่มั่นใจในมาตรการผ่อน
คลายทางการเงินของธนาคารกลาง ทั้งนี้ ราคาทองส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาด COMEX ปิดพุ่งขึ้น
6.90 ดอลลาร์ ที่ 1,616.20 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ปิดบวก
6.20 เซนต์ ที่ 27.863 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนที่ตลาด NYMEX ราคาพลาตินั่มส่งมอบเดือนต.ค.
ปิดลดลง 12.50 ดอลลาร์ ที่ 1,401.90 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน
ก.ย.ปิดบวก 1.35 ดอลลาร์ ที่ 579.55 ดอลลาร์/ออนซ์
SET:ปัจจัยจับตาการลงทุนวันนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐและราคาน้ำมันดิบปิดปรับขึ้น
ต่างประเทศ
*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนเป็นวันที่สองติดต่อกันในวันจันทร์
โดยทะยานขึ้นต่อจากสัปดาห์ที่ผ่านมา จากความหวังเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือ
มากขึ้นสำหรับยูโรโซนที่ประสบปัญหา โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดบวก 0.16%
*วานนี้ ตลาดหุ้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่ปรับขึ้น ขานรับการเปิดเผย
ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ และความคาดหวังที่ว่า
ทางการยุโรปจะดำเนินการเพื่อแก้ไขวิกฤติหนี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นสิงคโปร์พุ่งขึ้น
แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี ขณะที่อินโดนีเซีย, มาเลเซีย และ เวียดนาม
ปรับขึ้นเช่นกัน แต่ฟิลิปปินส์ ปิดในแดนลบ
*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนก.ย.ปิดวานนี้ ปรับขึ้น 80 เซนต์
หรือ 0.9% ปิดที่ 92.20 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นของตลาด
หุ้นและจากภาวะปั่นป่วนวุ่นวายในตะวันออกกลาง ซึ่งส่งผลให้ค่าพรีเมียมความ
เสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น
*ดัชนีค่าระวางเรือ(Baltic Dry Index) ปิดวานนี้ ลบ 9 จุด หรือ 1.06% สู่
ระดับ 843 โดยระดับสูงสุดของปีนี้อยู่ที่ 1624 และระดับต่ำสุดของปีนี้อยู่ที่ 647
เศรษฐกิจทั่วไป
*ธ.กสิกรไทย คาดภาคธุรกิจจะมีการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ มูลค่ากว่า 8 แสนลบ.
ในช่วง 1 ปีจากนี้ ซึ่งจะเป็นโอกาสขยายงานของธนาคาร โดยวางเป้างานวาณิชธนกิจ
จะมีมูลค่าโตกว่า 35% ในอีก 3 ปีข้างหน้า
*ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย เตรียมเปิดซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสับปะรด
กระป๋อง โดยจับกลุ่มเป้าหมายโรงงานผลิตสับปะรดกระป๋องทั่วประเทศ ซึ่งจะใช้
สินค้าดังกล่าวในการประกันความเสี่ยง และสร้างอำนาจต่อรองกับผู้ซื้อในตลาดโลก
*คณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อฟื้นฟูการลงทุน
จากวิกฤตอุทกภัย ครั้งที่ 4 ของบีโอไอ อนุมัติส่งเสริมลงทุนตามมาตรการดังกล่าว
รวม 24 โครงการ เงินลงทุนรวม 1.34 หมื่นล้านบาท
*รมว.พาณิชย์ เผยรัฐบาลยังจะเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวต่อไป แม้ช่วงที่ผ่านมา
รัฐบาลต้องรับผลขาดทุนจากโครงการดังกล่าวบ้าง โดยยังเชื่อว่า ปีนี้การส่งออก
ข้าวจะทำได้ตามเป้าหมายที่ 8.5-9.0 ล้านตัน
*วันนี้ปตท.ปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซิน 50-60 สตางค์/ลิตร โดยเป็นการ
ปรับขึ้นราคากลุ่มแก๊สโซฮอล์ 50 สตางค์/ลิตร และขึ้นราคาน้ำมันเบนซิน 60 สตางค์
/ลิตร ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซิน ออกเทน 91 ทะลุระดับ 44 บาท/ลิตร
*"ยงยุทธ"ส่งหนังสือแจงดีเอสไอ ยันไม่เคยอนุมัติกทม.ขยายสัมปทาน "บีทีเอส"
ย้ำกิจการรถไฟฟ้าเป็นสาธารณูปโภค ห้ามผู้ใดค้าขายโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก
รมว.มหาดไทย เตรียมชงบอร์ด กคพ. ชุดใหม่ รับเป็นคดีพิเศษหลัง 7 ก.ย.55
(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
*แบงก์ชาติ ระบุ "กรีซ"เสี่ยงสูงออกจากยูโรโซนในปีหน้า คาดกระทบเศรษฐกิจกลุ่ม
ประเทศคู่ค้าหดตัวลง 3% ฉุดเศรษฐกิจไทยเหลือโต 2.5% จากสมมติฐานปกติ 5% เชื่อ
วิกฤติยุโรปไม่เลวร้ายเท่าซับไพร์ม ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์เยอรมนี ย้ำอาเซียน
ไม่จำเป็นต้องเดินตามระบบการเงินยูโรโซน แนะ 5 บทเรียนอาเซียนจากวิกฤติยุโรป
(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
*คณะทำงาน กสท ย้ำชัดเหตุเลิกสัญญา 3จี-ทรู ชงบอร์ดเลิกสัญญาเป็นทางการ 8 ส.ค.
นี้ ระบุขัดกฎหมาย ส่งผลให้สัญญาเป็น"โมฆะ" ต้องยกเลิกสถานเดียว เขียนแก้ไขบาง
ข้อไม่ได้ แจงสถานะบีเอฟเคที ไม่มีคุณสมบัติสร้างเสาสถานีฐาน เพราะขาดไลเซ่น
ประเภท 3 เผยตัวเลขสัญญาเดิม 14 ปีครึ่งทำ ทรู รวยมหาศาลเฉียด 2 แสนล้านบาท
(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
*การประชุมครม.วันนี้ กระทรวงการคลังจะเสนอให้พิจารณาอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ฎ.
ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่ปัจจุบันจัดเก็บในอัตรา 7% ออกไปอีก 2 ปี
และให้ปรับขึ้นมาจัดเก็บในอัตรา 9% ในปี 57 เพื่อให้ประชาชนมีกำลังซื้อในการ
จับจ่ายใช้สอย และให้การบริโภคและลงทุนกลับสู่ปกติหลังเหตุการณ์น้ำท่วมปี 54-55
(นสพ.โพสต์ทูเดย์)
การเมือง
*ประธานวิป พรรคร่วมรัฐบาล ระบุว่า วิปรัฐบาลมีความเห็นตรงกันว่า จากนี้ไปอย่าง
น้อยอีกหนึ่งเดือน จะยังไม่มีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ
เนื่องจากต้องมีการพิจารณาเรื่องของ พ.ร.บ.งบประมาณปี 56 วาระ 2 และ 3
รวมถึงกฎหมายสำคัญอื่นๆ อาทิ กฎหมายฟอกเงิน และการก่อการร้าย
*กรุงเทพโพลล์ เผยผลสำรวจความเห็นประชาชน ให้คะแนนการปฏิบัติหน้าที่ 1 ปีของ
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรในฐานะนายกรัฐมนตรี 5.31 คะแนน จากเต็ม 10 คะแนน
เพิ่มขึ้นจาก 5.29 คะแนน ในการประเมินผลงานช่วงครบ 6 เดือน สำหรับคะแนน
ความพึงพอใจการทำงานของรัฐบาล ผลสำรวจพบว่า ประชาชนให้ 4.84 คะแนน
*"อภิสิทธิ์" เล็งใช้เวทีสภาถล่มรัฐบาล 3 วาระ "อภิปรายงบ 56-แถลงผลงาน1 ปี-
ซักฟอก" ด้าน "เฉลิม" เชื่อนายกฯ ชี้แจงอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ไม่จำเป็นต้องตั้ง
องครักษ์ เตือน ปชป.ระวังถูกน็อคกลับ "วุฒิสภา"เคาะเลือกประธานคนใหม่ 14 ส.ค.
(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
*"สุรพงษ์" เผยปลัด บัวแก้วเชิญ "ทูตประเทศมุสลิม" ถกปัญหาใต้ เสนอนายกฯ
"พัลลภ"กระตุ้นทหารสู้คนร้าย แนะปรับยุทธวิธีลาดตระเวน ด้าน ทอ.เล็งใช้เครื่องบิน
เอยู 23 บินสำรวจก่อนทหารออกพื้นที่ "เฉลิม" เผย 40 ผู้ต้องหาความไม่สงบเตรียม
เข้ามอบตัว(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
SET:คาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งกรอบแคบ ถูกกดดันด้วยผลประกอบการกลุ่มหลักที่แย่ลง
*นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้ จะแกว่งในกรอบแคบ หลังปัจจัย
จากต่างประเทศไม่มีผลชี้นำตลาดมากนัก ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ เรื่อง
ผลประกอบการที่ทยอยประกาศออกมาเป็นหลัก ซึ่งกลุ่มหลักอย่างพลังงาน
ปิโตรเคมี จะออกมาไม่ดี ส่งผลกดดันตลาด
*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนเป็นวันที่สองติดต่อกันในวันจันทร์
โดยทะยานขึ้นต่อจากสัปดาห์ที่ผ่านมา จากความหวังเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือ
มากขึ้นสำหรับยูโรโซนที่ประสบปัญหา โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดบวก 0.16%
*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนก.ย.ปิดวานนี้ ปรับขึ้น
80 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 92.20 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจาก
การปรับขึ้นของตลาดหุ้น และจากภาวะปั่นป่วนวุ่นวายในตะวันออกกลาง
ซึ่งส่งผลให้ค่าพรีเมียมความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น
*วันจันทร์ ต่างชาติซื้อสุทธิ 819.89 ลบ.จากวันศุกร์ซื้อสุทธิ 218.92 ลบ.
*เช้านี้บาท/ดอลลาร์ อยู่ที่ 31.44/48 เมื่อวันจันทร์ อยู่ที่ 31.48/52
*นักวิเคราะห์มองแนวรับที่ 1,200 ส่วนแนวต้านที่ 1,212 จุด
"ตลาดวันนี้ เรามองแกว่งในกรอบแคบ factor จากต่างประเทศ ก็ไม่ค่อยมี
อะไร ดังนั้นปัจจัยจะเป็นเรื่องของภายในประเทศเป็นหลัก" นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม
ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส กล่าว
เขา กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/55 ของบริษัทจดทะเบียน ที่ทยอย
ประกาศในช่วงนี้ คาดว่ากลุ่มหลักๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี จะอ่อนตัวลง
จากการบันทึกการขาดทุนจากสต็อคน้ำมัน ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันให้ตลาดมีทิศทางที่ปรับลงได้
ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญ
*ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันจันทร์ ปิดบวก 10.48 จุด หรือ 0.88% มาที่
1,208.01 ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 23,422.38 ล้านบาท
*ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เมื่อวันจันทร์ ปิดบวก 21.34 จุด หรือ 0.16% มาที่
13,117.51 และดัชนีแนสแดค ปิดบวก 22.01 จุด หรือ 0.74% มาที่ 2,989.91
*ตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ ส่วนใหญ่บวก โดยตลาดหุ้นสิงคโปร์ บวก 0.43%, ญี่ปุ่น
บวก 0.52%, เกาหลีใต้ บวก 0.19%, ไต้หวัน บวก 0.14% และตลาดหุ้นฮ่องกง
บวก 0.44%
จับตาหุ้น
*TICON ออก TSR 97.63 ล้านหน่วยให้ฟรีผู้ถือหุ้นเดิม 8:1,ขายรง.ให้ TFUND
*KBANK คาดภาคธุรกิจลงทุนกว่า 8 แสนลบ.ช่วง 1 ปี,รุกตลาดวาณิชธนกิจ
*TNITY ปฏิเสธข่าวนักลงทุนตปท.ติดต่อร่วมทุน,ราคาหุ้นร่วงสวนตลาด
*AAV คาดรายได้ปีนี้โต 20% จากปีก่อน,เคบิน แฟคเตอร์ ใกล้เคียงปีก่อน
*SNC ตั้งเป้ากำไรสุทธิปีนี้โต 20% ธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์ช่วยหนุน
*PSL คงเป้าค่าระวางเรือปีนี้ที่ $7,150 ต่อวันต่อลำ,มองยังต่ำอีก 2 ปี
No comments:
Post a Comment