Thursday, August 2, 2012

สรุปข่าวเศรษฐกิจรอบโลก 3 สค 55

ภาวะตลาดหุ้นประจำวันที่ 2 ส.ค. 

ดัชนี-ตลาด ปิดที่ระดับ เปลี่ยนแปลง 

ดาวโจนส์-ตลาดหุ้นนิวยอร์ค 12,878.88 - 92.18 
FTSE-ตลาดหุ้นลอนดอน 5,662.30 - 50.52 
DAX-ตลาดหุ้นเยอรมนี 6,606.09 - 148.37 
CAC-40-ตลาดหุ้นฝรั่งเศส 3,232.46 - 89.10 
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นมะนิลา 5,293.40 - 5.32 
เวทเต็ด-ตลาดหุ้นไต้หวัน ตลาดปิดทำการ 
S&P/ASX-ตลาดหุ้นออสเตรเลีย 4,269.50 + 7.00 
นิกเกอิ-ตลาดหุ้นโตเกียว 8,653.18 + 11.33 
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นโซล 1,869.40 - 10.53 
ฮั่งเส็ง-ตลาดหุ้นฮ่องกง 19,690.20 - 130.18 
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นมาเลเซีย 1,633.45 + 0.98 
FTSE STI-ตลาดหุ้นสิงคโปร์ 4,093.11 - 37.36 
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นจาการ์ตา 3,036.19 - 14.89 
SET-ตลาดหุ้นไทย ตลาดปิดทำการ 
SET-50-ตลาดหุ้นไทย ตลาดปิดทำการ 
SET-100-ตลาดหุ้นไทย ตลาดปิดทำการ 

ราคาพันธบัตรปิดพุ่งหลังผิดหวังอีซีบีไม่ออกมาตรการ -- ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่ง 
ขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ไม่ได้เสนอแผนที่เป็นรูปธรรมเพื่อพยุงภาค 
ธนาคารของยูโรโซน และฐานะการคลังของสมาชิกยูโรโซนที่มีสถานะย่ำแย่ลง ซึ่งกระตุ้นแรงซื้อ 
พันธบัตร ทั้งนี้ ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปีปิดเพิ่มขึ้น 14/32 สู่ระดับ 102-15/32 โดยมีผลตอบแทน 
1.478% และราคาพันธบัตรอายุ 30 ปีปิดพุ่งขึ้น 1-01/32 สู่ระดับ 109-11/32 โดยมีผลตอบแทน 
2.550% 

ยูโรร่วงลงขณะนักลงทุนผิดหวังผลประชุมอีซีบี -- ยูโร/ดอลลาร์ร่วงลงเป็นวันที่สองติดต่อ 
กันท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่ผันผวนในวันพฤหัสบดี หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคาร 
กลางยุโรป (อีซีบี) ทำลายความหวังของนักลงทุนที่ว่า อีซีบีจะดำเนินมาตรการอย่างฉับพลันในการแก้ไข 
วิกฤติหนี้ยูโรโซน ทั้งนี้ ดอลลาร์อยู่ที่ 78.21 เยน ร่วงลงจากระดับปิดตลาดวันพุธที่ 78.43 เยน ส่วน 
ยูโรอยู่ที่ 1.2176 ดอลลาร์ อ่อนลงจาก 1.2224 ดอลลาร์ ทางด้านยูโร/เยนอยู่ที่ 95.25 เยน ร่วง 
ลงจาก 95.88 เยน 

ตัวเลขศก.สหรัฐกดน้ำมันดิบปิดร่วง 2% -- ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ดิ่งลง 2% 
ในวันพฤหัสบดี โดยได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐเพิ่มขึ้นในสัป 
ดาห์ล่าสุด และกิจกรรมภาคโรงงานในสหรัฐร่วงลง นอกจากนี้ นักลงทุนยังผิดหวังกับธนาคารกลางยุโรป 
(อีซีบี) ที่ไม่ได้ประกาศขั้นตอนที่ชัดเจนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 
1.78 ดอลลาร์ หรือ 2% มาปิดตลาดที่ 87.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

ทองร่วงลงขณะตลาดผิดหวังกับอีซีบี,เฟด -- ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐร่วงลง 12.84 ดอล 
ลาร์ หรือ 0.8% สู่ 1,585.75 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยร่วงลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อ 
กัน ในขณะที่นักลงทุนระบายทองออกมา เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป 
(อีซีบี) ไม่ได้ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง ทั้งนี้ ราคาทองส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาด 
COMEX ปิดร่วงลง 16.60 ดอลลาร์ ที่ 1,590.70 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. 
ปิดร่วงลง 54.00 เซนต์ ที่ 26.995 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนที่ตลาด NYMEX ราคาพลาตินั่มส่งมอบเดือนต.ค. 
ปิดร่วงลง 13.50 ดอลลาร์ ที่ 1,387.80 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดลดลง 
14.75 ดอลลาร์ ที่ 567.85 ดอลลาร์/ออนซ์




SET:ปัจจัยจับตาการลงทุนวันนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบ-ราคาน้ำมันดิบร่วงลง 


ต่างประเทศ 

*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 92.18 จุด หรือ 
0.71% สู่ 12,878.88 หลังนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) 
สร้างความผิดหวังให้แก่นักลงทุน ที่เคยตั้งความหวังว่าอีซีบีจะดำเนินมาตรการอย่าง 
ฉับพลันในการควบคุมวิกฤติหนี้ยูโรโซน 
*วานนี้ ตลาดหุ้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปรับตัวลง ขณะที่นักลงทุนหวังว่าอีซีบี จะ 
มีการดำเนินการด้านนโยบาย หลังธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ไม่ได้ออกมาตรการ 
กระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ 
*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.78 ดอลลาร์ 
หรือ 2% มาปิดตลาดที่ 87.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยได้รับแรงกดดันจากรายงาน 
ที่ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ล่าสุด และกิจกรรม 
ภาคโรงงานในสหรัฐร่วงลง นอกจากนี้ นักลงทุนยังผิดหวังกับอีซีบี ที่ไม่ได้ประกาศขั้น 
ตอนที่ชัดเจนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ 
*ดัชนีค่าระวางเรือ(Baltic Dry Index)ปิดวานนี้ ลบ 17 จุด หรือ 1.94% 
สู่ระดับ 861 โดยระดับสูงสุดของปีนี้อยู่ที่ 1624 และระดับต่ำสุดของปีนี้อยู่ที่ 647 
*กระทรวงแรงงานสหรัฐ เผยเมื่อวานนี้ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน 
ครั้งแรกเพิ่มขึ้น 8,000 ราย สู่ 365,000 ราย ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 ก.ค. 
จาก 357,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ก.ค. ซึ่งก่อนหน้านี้นักเศรษฐศาสตร์ 
ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก 
ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 ก.ค.อาจอยู่ที่ 370,000 ราย 
*กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เผยเมื่อวานนี้ว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานร่วงลง 0.5% 
ในเดือนมิ.ย. หลังเพิ่มขึ้น 0.5 % ในเดือนพ.ค. ก่อนหน้านี้นักเศรษฐศาสตร์ 
ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์ คาดว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานอาจเพิ่มขึ้น 0.5% 
ในเดือนมิ.ย. 
*อีซีบี ลงมติตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.75% 
เพื่อรอดูว่า เงินเฟ้อและเศรษฐกิจของยูโรโซนจะชะลอตัวลงอีกหรือไม่ ก่อนลง 
มติปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหม่ นอกจากนี้ อีซีบียังตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และ 
เงินฝากไว้ที่ 1.5% และ 0% ตามลำดับ 
*ธนาคารกลางอังกฤษ(BOE) ลงมติตรึงนโยบายการเงินไม่เปลี่ยนแปลง โดย 
BOE พิจารณาว่าการตัดสินใจในเดือนก.ค.ที่ผ่านมาที่จะขยายการซื้อพันธบัตร 
รัฐบาล เป็นมาตรการกระตุ้นที่เพียงพอในขณะนี้ แม้มีสัญญาณความอ่อนแอทาง 
เศรษฐกิจเพิ่มขึ้นก็ตาม 
*เฟด ประกาศคงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น อยู่ในกรอบ 0-0.25% ซึ่ง 
เป็นระดับ ที่ได้กำหนดไว้ในการประชุมเดือนธ.ค.2008 และระบุว่าภาวะทาง 
เศรษฐกิจมีแนวโน้ม ที่จะสนับสนุนให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในระดับต่ำเป็น 
พิเศษต่อไป อย่างน้อยจนถึงปลายปี 2014 

เศรษฐกิจทั่วไป 

*วันนี้ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงผลสำรวจ 
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ค. 
*วันนี้ธปท.แถลงทบทวนคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ประจำปี 55 
*กระทรวงพาณิชย์ เผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป(CPI) เดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 2.73% 
จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.35% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับ 
ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเป็นผลจากราคาวัตถุดิบอาหารที่ปรับลดลง แต่อัตรา 
เงินเฟ้อดังกล่าว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 2.6% เมื่อเทียบปีต่อปี 
*ปลัดกระทรวงพาณิชย์ คาดว่า อัตราเงินเฟ้อในไตรมาส 4/55 จะเพิ่มขึ้น 3.1% 
จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ทั้งปีนี้คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นใกล้เคียง 3.3% 
*สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เผยราคาก๊าซ LPG ภาคอุตสาหกรรม ในเดือน 
ส.ค.เพิ่มขึ้น 4.70 บาท/ก.ก. ซึ่งนับเป็นการปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบสองเดือน 
*กสทช.เตือนผู้ประกอบการภาคเอกชน ให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดว่าด้วยเรื่องการกระทำ 
ที่เป็น ข้อห้ามการครอบงำกิจการโดยคนต่างด้าว ก่อนเปิดประมูลใบอนุญาตโทรศัพท์ 
เคลื่อนที่ระบบ 3G 
*บีโอไอ เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการให้สิทธิ และประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้า 
เครื่องจักร ที่นำเข้ามาทดแทนเครื่องจักรที่เสียหายจากอุทกภัย โดยขยายไปจนถึงวันที่ 
31 ธ.ค.55 จากเดิมสิ้นสุด 30 มิ.ย.55 เพื่อช่วยเหลือกิจการที่ต้องการฟื้นฟูการลงทุน 
*บีโอไอ อนุมัติส่งเสริมการลงทุน 16 โครงการใหญ่ มูลค่ารวม 1.17 แสนลบ. 
รวมถึงโครงการผลิตรถยนต์ส่วนบุคคลของโตโยต้าฯ การขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ 
ของบมจ.ปตท. และการขยายกำลังการผลิตของบมจ.ไออาร์พีซี 
*นายแบงก์ประเมินรายใหญ่ชะลอซื้อกิจการ หลังจากวิกฤติหนี้ยุโรปยืดเยื้อ ชี้ปีหน้า 
อาจเห็นมากขึ้น หลังดอกเบี้ยเป็นตัวสนับสนุน ด้านแบงก์กรุงไทยเผยมี ดีลเอ็มแอนด์ 
เอ อีก 2-3 ราย ในช่วงที่เหลือของปี ด้านซีไอเอ็มบีฟุ้งได้ทีมไอบีเพิ่มอีก 40 ราย 
หลังเข้าซื้อกิจการอาร์บีเอส มาหนุนธุรกิจไอบีครึ่งปีหลัง(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ) 
*ธปท.เผยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะกลาง-ยาว เดือน ก.ค.เริ่มลดลง เหตุ 
นักลงทุนต่างชาติแห่ซื้อ หลังอีซีบีหั่นดอกเบี้ย 0.25% ส่งผลพันธบัตรระยะสั้น 
ของประเทศหลักในยุโรปติดลบ นักลงทุนหันพึ่งพันธบัตรเอเชียแทน ด้านสมาคม 
ตราสารหนี้เผย อัตราผลตอบแทนบอนด์ไทย ก.ค.ลดลงแล้ว 0.2% ชี้ผลจากทุนไหลเข้า 
ขณะที่ต่างชาติถือพันธบัตรไทยสัดส่วนพุ่งแตะ 12% เหตุผลตอบแทนจูงใจ เผยส่วนใหญ่ 
ลงยาว 10-20 ปี (นสพ.กรุงเทพธุรกิจ) 
*"ซีบี ริชาร์ด" ระบุคอนโดย่าน "พระโขนงอ่อนนุช" โตสูง ทะลุ 4 หมื่นยูนิต 
ดันศูนย์การค้าประเภท "ไลฟ์สไตล์ มอลล์" ขยายตัว เจาะตลาด ผู้บริโภค 
ระดับกลาง-บน (นสพ.กรุงเทพธุรกิจ) 
*ผู้บริหารธ.ไทยพาณิชย์ เผยปีหน้าจะเห็นภาคเอกชนของไทยเข้าซื้อกิจการในต่าง 
ประเทศมากขึ้น โดยใช้ช่วงจังหวะนี้รอดูสถานการณ์เศรษฐกิจอียู เพื่อรอถึงจุดต่ำสุด 
จะทำให้ซื้อกิจการได้ในราคาถูก ถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพ 
(นสพ.โพสต์ทูเดย์) 
*ผู้ว่าการ ธปท.เผยครึ่งปีหลังจะออกมาตรการผ่อนคลายหลักเกณฑ์การเปิดเสรีการ 
เคลื่อนย้ายเงินทุน เพื่อให้นักลงทุนไทยนำเงินออกไปธุรกรรมการเงินในต่างประเทศ 
โดยจะทยอยทำตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีนี้ และ ธปท.เห็นว่าในครึ่งปีหลังเงินลงทุน 
จากต่างชาติจะไหลเข้ามาลงทุนในไทยต่อเนื่อง(นสพ.โพสต์ทูเดย์) 
*ส.อ.ท.เผยขณะนี้ภาคเอกชนเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาขาดสภาพคล่องของธุรกิจ 
ส่งออก โดยเฉพาะผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานเข้มข้น เนื่องจาก 
ได้รับผลกระทบจากต้นทุนค่าแรงที่สูงขึ้น แต่ไม่สามารถปรับขึ้นราคาสินค้าได้ อีกทั้ง 
ยังมียอดส่งออกลดลง(นสพ.โพสต์ทูเดย์) 
*รมช.คลัง กล่าวว่า รมว.คลังอยู่ระหว่างรวบรวมรายละเอียดเพื่อจัดทำร่าง พ.ร.บ. 
ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศวงเงิน 2 ล้านลบ. โดยตั้งเป้าว่าจะเสนอให้ที่ 
ประชุมรัฐสภาพิจารณาให้ได้ทันภายในสมัยประชุมนี้ เพราะถือว่าเป็นโครงการเร่งด่วน 
หากไม่ดำเนินการประเทศ จะเสียหายทางเศรษฐกิจ เพราะโครงสร้างพื้นฐาน 
ไม่เพียงพอรองรับการเติบโต (นสพ.โพสต์ทูเดย์) 

การเมือง 

*กลุ่มนปช.นัดประชุมวันที่ 3 ส.ค.เพื่อหาข้อสรุปแนวทางแก้รัฐธรรมนูญ หลังศาลรัฐ 
ธรรมนูญมีคำวินิจฉัยกลาง และคำวินิจฉัยส่วนตนออกมาแล้ว ขณะที่"หมอเหวง" 
หนุนลงมติวาระสาม 
*รมว.กลาโหม กล่าวถึงการดูแลปัญหาความไม่สงบใน จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า 
หากมีความจำเป็น รัฐบาลอาจต้องประกาศใช้เคอร์ฟิวในบางพื้นที่ของจังหวัดชายแดน 
ภาคใต้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดูแลสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งการ 
ขอให้กองทัพอากาศ ใช้เครื่องบินติดอาวุธบินลาดตระเวนในพื้นที่ด้วย 
*ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติให้เลื่อนญัตติที่คณะกรรมาธิการพิจารณา เสร็จแล้ว 
10 เรื่อง ขึ้นมาพิจารณาก่อนวาระร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ 
ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกบรรจุอยู่ในวาระเรื่องด่วนที่หนึ่ง 
*รองโฆษกกองทัพบก เผยว่าเจ้าหน้าที่ด้านการข่าว ได้ประเมินแนวโน้มของสถานการณ์ 
ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เจ้าหน้าที่รัฐอาจจะมีความสุ่มเสี่ยงมากยิ่งขึ้น 
จึงต้องเพิ่มความระมัดระวัง ขณะที่ผบ.ทบ. มองว่าปัญหาภาคใต้ อาจไม่สามารถ 
คลี่คลายได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน 
*เกิดเหตุคนร้ายวางเพลิงเผาอาคารเรียน และยิงชายชาวไทยมุสลิมเสียชีวิต 2 ราย 
ในสวนยาง อ.บายอ จ.ปัตตานีเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า 
เป็นการก่อเหตุไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 
*แกนนำพันธมิตรฯ ประกาศหากสภาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเมื่อไหร่ ชุมนุม 
ต่อต้านทันที "เพื่อไทย" ชี้มุกเก่าหวังโค่นรัฐบาล "ชทพ.-ชพน."เตรียมถกวางกรอบ 
แก้ รธน.ก่อนประชุมร่วมคณะทำงาน 7 ส.ค. "นพดล" เผย "ทักษิณ" ทัวร์รัสเซีย- 
อังกฤษ-สหรัฐ-จีน ปักหลักอยู่สหรัฐ 2 สัปดาห์ พบนักการเมือง-นักธุรกิจ 
(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)


คาดหุ้นไทยวันนี้ปรับลงตามตลาดตปท. หลังผิดหวังผลประชุมอีซีบี 

*นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ คาดหุ้นไทยวันนี้ปรับลดลง ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ 
และภูมิภาคที่ร่วงลง หลังผิดหวังต่อการผลประชุมของธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) 
ที่ไม่ได้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาในระยะสั้นนี้ 
*แต่นักวิเคราะห์คาดว่า อาจจะมีแรงซื้อกลับคืนมาหลังจากนั้น เนื่องจากคาดว่า 
การประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในเดือนก.ค.ในคืนนี้ 
จะออกมาดี 
*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันในวันพฤหัสบดี โดยดัชนีดาวโจนส์ 
ปิดลบ 0.71% หลังนายมาริโอ ดรากี ประธานอีซีบี สร้างความผิดหวังให้แก่นักลงทุน 
ที่เคยตั้งความหวังว่า อีซีบีจะดำเนินมาตรการอย่างฉับพลันในการคุมวิกฤติหนี้ยูโรโซน 
*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนก.ย.ปิดเมื่อวานนี้ ร่วงลง 
1.78 ดอลลาร์ หรือ 2% มาที่ 87.13 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้รับแรงกดดันจาก 
รายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ล่าสุด และกิจกรรม 
ภาคโรงงานในสหรัฐร่วงลง รวมถึงผิดหวังกับอีซีบีที่ไม่ได้ประกาศขั้นตอนที่ชัดเจน 
ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ 
*วันพุธต่างชาติ ขายสุทธิ 348.37 ลบ.จากวันอังคาร ซื้อสุทธิ 1.52 พันลบ. 
*เช้านี้บาท/ดอลลาร์ อยู่ที่ 31.60/65 เมื่อวันพุธอยู่ที่ 31.48/51 
*นักวิเคราะห์มองแนวรับที่ 1,190 ส่วนแนวต้านที่ 1,205 จุด 

"วันนี้ตลาดคงจะผิดหวังกับอีซีบี...ตลาดหุ้นเราก็คงจะลงรับ sentiment เชิงลบ" 
นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าว 
เขา คาดว่าเช้านี้ตลาดหุ้นเปิดมาจะเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบก่อน แต่หลังจากนั้นอาจ 
จะมีแรงซื้อคืนกลับเข้ามา จากความคาดหวังว่าตัวตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ 
ในเดือนก.ค. ที่จะประกาศในคืนนี้ตามเวลาไทย จะออกมาดี 
ขณะที่โพลล์รอยเตอร์ คาดว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 1 แสน 
ตำแหน่งในเดือนก.ค. หลังเพิ่มขึ้น 8 หมื่นตำแหน่งในเดือนมิ.ย. และอัตราว่างงานจะ 
ทรงตัวที่ 8.2% ในเดือนก.ค. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนมิ.ย. 

ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญ 

*ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันพุธ ปิดบวก 1.83 จุด หรือ 0.15% มาที่ 
1,201.13 ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 24,530.15 ล้านบาท 
*ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เมื่อวันพฤหัสบดี ปิดลบ 92.18 จุด หรือ 0.71% มาที่ 
12,878.88 และดัชนีแนสแดค ปิดลบ 10.44 จุด หรือ 0.36% มาที่ 2,909.77 
*ตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ ส่วนใหญ่ลบ โดยตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลบ 0.31%,ญี่ปุ่น 
ลบ 1.21%, เกาหลีใต้ ลบ 0.47%, ไต้หวัน ลบ 0.6% และตลาดหุ้นฮ่องกง 
ลบ 0.46% 

จับตาหุ้น 

*SCCC เผย Q2/55 กำไรสุทธิลดลงมาที่ 809 ลบ.,ปันผลงวด H1/55 หุ้นละ 7 บาท 
*CCET จัดตั้งบ.ย่อยในฟิลิปปินส์ ใช้เงินลงทุนประมาณ 318 ลบ. 
*IRPC เตรียมขายหุ้นกู้ 3 และ 6 ปี ในส.ค., ใช้ชำระหนี้เดิม-ลงทุน 
*KTB เพิ่มเป้าการเติบโตสินเชื่อปีนี้เป็นโต 8-10%, กำไรทำสถิติสูงสุด 
*ASP วางแผน 3 ปีรุกธุรกิจอนุพันธ์, สร้างจุดแข็งรับมือการแข่งขันสูง

No comments:

Post a Comment