Thursday, July 26, 2012

สรุปข่าวเศรษฐกิจรอบโลก 26 กค 55

ภาวะตลาดหุ้นประจำวันที่ 25 ก.ค. 

ดัชนี-ตลาด ปิดที่ระดับ เปลี่ยนแปลง 

ดาวโจนส์-ตลาดหุ้นนิวยอร์ค 12,673.05 + 58.73 
FTSE-ตลาดหุ้นลอนดอน 5,498.32 - 0.91 
DAX-ตลาดหุ้นเยอรมนี 6,406.52 + 16.11 
CAC-40-ตลาดหุ้นฝรั่งเศส 3,081.74 + 7.06 
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นมะนิลา 5,161.80 + 2.06 
เวทเต็ด-ตลาดหุ้นไต้หวัน 6,979.13 - 29.22 
S&P/ASX-ตลาดหุ้นออสเตรเลีย 4,123.90 - 9.30 
นิกเกอิ-ตลาดหุ้นโตเกียว 8,365.90 - 122.19 
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นโซล 1,769.31 - 24.62 
ฮั่งเส็ง-ตลาดหุ้นฮ่องกง 18,877.33 - 25.87 
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นมาเลเซีย 1,635.09 + 2.52 
FTSE STI-ตลาดหุ้นสิงคโปร์ 2,990.92 - 7.52 
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นจาการ์ตา 4,000.83 + 8.72 
SET-ตลาดหุ้นไทย 1,188.62 + 0.98 
SET-50-ตลาดหุ้นไทย 820.13 + 0.54 
SET-100-ตลาดหุ้นไทย 1,786.19 + 1.22 

ราคาพันธบัตรปรับตัวลง -- ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงเล็กน้อยในวันพุธ 
ขณะที่การคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางต่างๆจะต้องดำเนินการเพิ่มเพื่อสกัดภาวะเศรษฐกิจที่ 
ชะลอตัวลงนั้น ทำให้มีแรงซื้อสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงสั้นๆ ส่งผลให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งเป็น 
สินทรัพย์ปลอดภัย ปรับตัวลดลง ทั้งนี้ ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปีปิดลดลง 03/32 สู่ระดับ 
103-06/32 โดยมีผลตอบแทน 1.401% และราคาพันธบัตรอายุ 30 ปีปิดทรงตัวที่ 111-14/32 
โดยมีผลตอบแทน 2.456% 

ยูโร/ดอลล์ดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี -- ยูโรปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ 
เป็นครั้งแรกในรอบ 6 วันในวันพุธ หลังจากนายอีวาลด์ โนวอทนี กรรมการสภาบริหารของธนาคาร 
กลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า อาจมีการให้ใบอนุญาตด้านการธนาคารแก่กองทุนช่วยเหลือยุโรปเพื่อ 
เพิ่มอำนาจของกองทุนในการแก้ไขวิกฤติหนี้ ทั้งนี้ ดอลลาร์อยู่ที่ 78.170 เยน เทียบกับระดับปิดตลาด 
วันอังคารที่ 78.170 เยน ส่วนยูโรอยู่ที่ 1.2153 ดอลลาร์และ 95.010 เยน เทียบกับ ระดับปิด 
ตลาดวันอังคารที่ 1.2059 ดอลลาร์และ 94.300 เยน 

คาดเฟดกระตุ้นศก.หนุนน้ำมันดิบปรับขึ้น 0.5% -- ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX 
ปรับขึ้นเป็นวันที่สองติดต่อกันในวันพุธ โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลเรื่องภาวะปั่นป่วนวุ่นวายใน 
ตะวันออกกลาง และความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐ 
กิจเพิ่มเติม และราคาน้ำมันสามารถสลัดแรงกดดันที่ได้รับจากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย ทั้งนี้ 
ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนก.ย.ปรับขึ้น 47 เซนต์ หรือ 0.5% มาปิดตลาดที่ 88.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

คาดเฟด,ECB กระตุ้นศก.หนุนราคาทองพุ่งขึ้น -- ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐทะยานขึ้น 
24.17 ดอลลาร์ หรือ 1.5% สู่ 1,604.01 ดอลลาร์/ออนซ์ในวันพุธ โดยสามารถปรับตัวแข็งแกร่ง 
กว่าตลาดหุ้นได้เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ในขณะที่นักลงทุนคาดว่าสหรัฐและยุโรปอาจจะดำเนินมาตรการ 
กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และปัจจัยนี้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองในฐานะเครื่องมือทำประกันความ 
เสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ ทั้งนี้ ราคาทองส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาด COMEX ปิดพุ่งขึ้น 31.90 ดอลลาร์ 
ที่ 1,608.10 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ปิดพุ่งขึ้น 65.50 เซนต์ ที่ 27.466 
ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนที่ตลาด NYMEX ราคาพลาตินั่มส่งมอบเดือนต.ค.ปิดเพิ่มขึ้น 12.80 ดอลลาร์ ที่ 
1,399.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดบวก 3.65 ดอลลาร์ ที่ 565.25 
ดอลลาร์/ออนซ์


SET:ปัจจัยจับตาการลงทุนวันนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวก-ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น 


ต่างประเทศ

*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดไร้ทิศทางในวันพุธ โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 0.47% โดยได้แรงหนุน
จากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ของบริษัทโบอิ้ง และคาเตอร์พิลลาร์ แต่ ดัชนี S&P
500 ร่วงลงเป็นวันที่ 4 และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง หลังบริษัทแอปเปิล
เปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง
*วานนี้ ตลาดหุ้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่ขยับขึ้น โดยตลาดหุ้นมาเลเซีย,
อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์ ต่างปิดบวก ขณะที่สิงคโปร์ และเวียดนาม อ่อนตัวลง
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดหุ้นขาดปัจจัยใหม่ๆ ขณะที่ปัญหาหนี้ของสเปนได้สะท้อน
กับราคาหุ้นแล้ว ซึ่งจะต้องรอดูความชัดเจนว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป โดยการลงทุน
วานนี้ เป็นการเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลางถึงขนาดเล็ก
*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนก.ย.ปิดวานนี้ ปรับขึ้น 47 เซนต์
หรือ 0.5% ปิดที่ 88.97 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลภาวะปั่นป่วนวุ่นวาย
ในตะวันออกกลาง และความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะดำเนินมาตรการ
กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และราคาน้ำมันสามารถสลัดแรงกดดัน ที่ได้รับจากตัวเลข
สต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย
*ดัชนีค่าระวางเรือ(Baltic Dry Index) ปิดวานนี้ ลบ 21 จุด หรือ 2.09% สู่ระดับ
982 โดยระดับสูงสุดของปีนี้อยู่ที่ 1624 และระดับต่ำสุดของปีนี้อยู่ที่ 647
*กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เผยยอดขายบ้านใหม่ร่วงลง 8.4% สู่ 3.5 แสนยูนิตในมิ.ย.
ซึ่งต่ำสุดในรอบ 5 เดือน ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ที่รอยเตอร์สำรวจ คาดไว้ว่ายอดขาย
บ้านใหม่จะอยู่ที่ 3.7 แสนยูนิตในเดือนมิ.ย.
*ผลสำรวจระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐและยูโรโซนได้รับแรงกดดันมากยิ่งขึ้น ในเดือนก.ค.
อย่างไรก็ดี ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนปรับตัวดีขึ้น และ สิ่งนี้บ่งชี้ว่า
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เริ่มส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจแล้ว

เศรษฐกิจทั่วไป

*กนง.มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 3.00% ตามที่นักวิเคราะห์คาดไว้ โดยเห็นว่า
อัตราดอกเบี้ยขณะนี้ ยังเหมาะสมต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และปรับลดจีดีพีปีนี้
เหลือโต 5.7% จากเดิมคาดไว้โต 6.0% และคาดว่าจีดีพีในปี 56 จะเติบโตได้ 5.0%
เนื่องจากคาดว่าการส่งออกจะเติบโตน้อยลง เพราะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงมากขึ้น
โดยได้ปรับลดคาดการณ์การส่งออกในปีนี้ลงเหลือ 7%
*กนง.เผยขณะนี้ เศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวสู่ระดับปกติแล้ว
หลังเผชิญน้ำท่วมใหญ่ในปีก่อน
และมั่นใจเงินเฟ้อพื้นฐานในระยะต่อไป ยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย
*กระทรวงพาณิชย์ เผยการส่งออกเดือน มิ.ย.มีมูลค่า 20,128 ล้านเหรียญสหรัฐ
ลดลง 2.50% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่า
จะเพิ่มขึ้น
4.25% และเป็นการกลับมาติดลบหลังขยายตัว 7.68% ในเดือน พ.ค.ขณะที่การนำเข้า
ในมิ.ย มีมูลค่า 20,678 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.41% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ทำให้ไทยขาดดุลการค้าประมาณ 0.55 พันล้านเหรียญสหรัฐ
*รมช.พาณิชย์ เผยว่ายังคงคาดการณ์การเติบโตของการส่งออกในปี 55 ไว้ที่ 15% แม้มี
หลายฝ่ายแสดงความคิดเห็นว่า อาจจะเติบได้ไม่ถึงเป้าที่วางไว้ โดยจากนี้ไปจะปรับ
แผนด้านการส่งออกให้เป็นเชิงรุกมากยิ่งขึ้น
*ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สมาคมบลจ.คาดว่า ในครึ่งปีหลังกองทุนหุ้นไทย จะยังเป็น
กองทุนที่น่าสนใจ และให้ผลตอบแทนที่ดี เมื่อเทียบกับกองทุนประเภทอื่นๆ โดยกลุ่ม
ธุรกิจที่กองทุนจะให้ความสำคัญในการลงทุน จะเป็นหุ้นในกลุ่มการเงิน ซึ่งฐานทุน
ของธุรกิจค่อนข้างแข็งแกร่ง
*ปลัดกระทรวงการคลัง เผยว่า สัปดาห์หน้านายกรัฐมนตรี จะแถลงมาตรการรับมือวิกฤติ
เศรษฐกิจยุโรป ขณะที่ การประชุมครม.เศรษฐกิจประเมินว่าปัญหาเศรษฐกิจในยูโร
จะกระทบไทยไม่มากนัก
*ที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ.กสท โทรคมนาคม มีมติวานนี้ โดยเห็นชอบในหลักการ
เบื้องต้น ให้กสท ยกเลิกสัญญาโครงการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G ที่ทำ
กับบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น และให้แก้ไขใหม่ เพื่อให้ผู้ประกอบการ
รายอื่นสามารถเข้ามาทำได้ด้วย

การเมือง

*ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
มีคำสั่งรับฟ้องกรณีอัยการสูงสุด
ยื่นฟ้อง"ทักษิณ" และพวก รวม 27 ราย ในข้อกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่
โดยมิชอบ กรณีให้ ธ.กรุงไทยปล่อยสินเชื่อให้กลุ่ม บมจ.กฤษดามหานคร ในวงเงิน
กว่า 9 พันลบ.
*หัวหน้าโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ คาดว่าคำวินิจฉัยกลาง แล คำวินิจฉัยส่วนตน ของตุลาการ
ศาลรัฐธรรมนูญ กรณีร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไข เพิ่มเติม มาตรา
291 ไม่เป็นการล้มล้างระบอบประชาธิปไตย จะเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของสำนักงาน
ศาลรัฐธรรมนูญ ภายในวันที่ 27 ก.ค.นี้



SET:คาดหุ้นไทยวันนี้ขึ้นกรอบแคบ คาดสหรัฐ-ยุโรปมีแนวโน้มออกมาตรการกระตุ้นศก. 


*นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยวันนี้ ดัชนีปรับขึ้นในกรอบแคบๆ โดยมองว่าสหรัฐและ 
ยุโรปมีแนวโน้มที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ รวมถึงราคาหุ้นพื้นฐาน 
ที่ดี ได้ปรับตัวลงมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจ และได้สะท้อนถึงผลประกอบการ 
ไตรมาส 2/55 ที่อ่อนแอแล้ว ดังนั้นจึงแนะนำทยอยซื้อเพื่อการลงทุน 
*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดไร้ทิศทางในวันพุธ โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 0.47% โดยได้แรงหนุน 
จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทโบอิ้ง และคาเตอร์พิลลาร์ แต่ดัชนี S&P 
500 ร่วงลงเป็นวันที่ 4 และ ดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง หลังบริษัทแอปเปิล เปิดเผย 
ผลประกอบการที่น่าผิดหวัง 
*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนก.ย.ปิดวานนี้ ปรับขึ้น 47 เซนต์ 
หรือ 0.5% ปิดที่ 88.97 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเรื่องภาวะปั่นป่วนวุ่นวาย 
ในตะวันออกกลาง และความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะดำเนินมาตรการ 
กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม แม้ราคาน้ำมันมีแรงกดดันจากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบ 
ที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย 
*วันพุธต่างชาติขายสุทธิ 3.79 พันลบ.จากวันอังคารขายสุทธิ 1.14 พันลบ. 
*เช้านี้บาท/ดอลลาร์อยู่ที่ 31.62/67 จากเมื่อวันพุธอยู่ที่ 31.68/72 
*นักวิเคราะห์มองแนวรับที่ 1,180 ส่วนแนวต้านที่ 1,195 

"ตลาดมีโอกาสฟื้นตัวต่อ momentum จากเมื่อวานนี้ยังมีอยู่ แต่ดัชนีอาจจะปรับขึ้น 
ไม่แรงมาก"นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ และกลยุทธ์การ 
ลงทุน บล.เคทีบี(ประเทศไทย) กล่าว 
นายปริญทร์ กล่าวว่า ปัจจัยที่จะทำให้ตลาดหุ้นปรับขึ้น เนื่องจากคาดหวังว่า 
สหรัฐและยุโรป มีแนวโน้มที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว 
นอกจากนี้ ขณะนี้ราคาหุ้นพื้นฐานที่ดีหลายตัว ได้ปรับตัวลงมาต่ำจนอยู่ในระดับที่น่าสนใจ 
แล้ว และราคาได้สะท้อนปัจจัยลบ เกี่ยวกับผลประกอบการไตรมาส 2/55 ที่คาดว่าจะอ่อนแอแล้ว 
ดังนั้น นักลงทุนสามารถที่จะเลือกหุ้นพื้นฐานดี แล้วหาจังหวะทยอยซื้อเพื่อ 
การลงทุนได้ เพราะคาดว่าผลประกอบการในครึ่งปีหลังมีทิศทางที่ดีขึ้น 
เขา กล่าวว่า ดัชนีวันนี้จะมีแนวรับที่ 1,180 ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,195 

ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญ 
*ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันพุธ ปิดบวก 0.98 จุด หรือ 0.08% มาที่ 1,188.62 
ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 37,150.00 ล้านบาท 
*ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เมื่อวันพุธ ปิดบวก 58.73 จุด หรือ 0.47% มาที่ 
12,676.05 และดัชนีแนสแดค ปิดลบ 8.75 จุด หรือ 0.31% มาที่ 2,854.24 
*ตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวกรอบแคบ โดยตลาดหุ้นสิงคโปร์ บวก 
0.52%, ญี่ปุ่น บวก 0.28% ,เกาหลีใต้ บวก 0.31%, ไต้หวัน ลบ 0.1% 
และฮ่องกง บวก 0.09% 

จับตาหุ้น 
*SEAFCO เผยได้งานก่อสร้าง 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 355.50 ลบ. 
*MBKET เผย Q2/55 กำไรสุทธิลดลงมาที่ 173.98 ลบ. 
*GLOW เผยโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน เปิดดำเนินการแล้ววันนี้ 
*SCC คาดกำไร H2/55 ดีกว่า H1 สเปรดปิโตรฯดีขึ้น,ลงทุนพม่า 1 หมื่นลบ. 
*CPF เผยกระทบไม่มากจากราคาข้าวโพด-กากถั่วเหลืองสูงขึ้น หลังภัยแล้งในสหรัฐ 
*SET ตลท.ให้โบรกฯส่งข้อมูลซื้อขายหุ้น POST-MATI-GRAMMY



ขอให้ผู้ลงทุนรอบคอบ

No comments:

Post a Comment