ภาวะตลาดหุ้นประจำวันที่ 24 ก.ค.
ดัชนี-ตลาด ปิดที่ระดับ เปลี่ยนแปลง
ดาวโจนส์-ตลาดหุ้นนิวยอร์ค 12,617.32 - 104.14
FTSE-ตลาดหุ้นลอนดอน 5,499.23 - 34.64
DAX-ตลาดหุ้นเยอรมนี 6,390.41 - 28.92
CAC-40-ตลาดหุ้นฝรั่งเศส 3,074.68 - 26.85
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นมะนิลา 5,159.74 + 20.34
เวทเต็ด-ตลาดหุ้นไต้หวัน 7,008.35 - 20.38
S&P/ASX-ตลาดหุ้นออสเตรเลีย 4,133.20 + 4.30
นิกเกอิ-ตลาดหุ้นโตเกียว 8,488.09 - 20.23
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นโซล 1,793.93 + 4.49
ฮั่งเส็ง-ตลาดหุ้นฮ่องกง 18,903.20 - 150.27
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นมาเลเซีย 1,632.57 - 3.60
FTSE STI-ตลาดหุ้นสิงคโปร์ 2,998.44 + 15.95
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นจาการ์ตา 3,992.11 - 17.68
SET-ตลาดหุ้นไทย 1,187.64 + 2.53
SET-50-ตลาดหุ้นไทย 819.59 + 1.16
SET-100-ตลาดหุ้นไทย 1,784.97 + 2.95
แรงซื้อหนุนพันธบัตรปิดพุ่ง -- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐร่วงแตะระดับต่ำสุด
เป็นประวัติการณ์ในวันอังคาร ขณะที่ความวิตกเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ของยูโรโซนทำให้มีแรงซื้อพันธบัตรรัฐ
บาลสหรัฐอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปีปิดบวก 06/32 สู่ระดับ 103-04/32 โดยมี
ผลตอบแทน 1.408% และราคาพันธบัตรอายุ 30 ปีปิดพุ่งขึ้น 27/32 สู่ระดับ 111-03/32 โดยมีผล
ตอบแทน 2.472%
ยูโรร่วงหลังภาคการผลิตเยอรมันหดตัว,มูดี้ส์ลดแนวโน้มเครดิต -- ยูโรร่วงลงสู่ระดับต่ำ
สุดในรอบ 2 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์เป็นวันที่ 3 ติดต่อกันในวันอังคาร โดยถูกกดดันจากข้อมูลเศรษฐ
กิจที่อ่อนแอเกินคาดของเยอรมนี หลังจากมูดี้ส์เตือนเกี่ยวกับผลกระทบจากวิกฤติหนี้ยุโรปต่อเศรษฐกิจ
ของเยอรมนี ทั้งนี้ ดอลลาร์อยู่ที่ 78.180 เยน เทียบกับระดับปิดตลาดวันจันทร์ที่ 78.360 เยน ส่วน
ยูโรอยู่ที่ 1.2063 ดอลลาร์และ 94.290 เยน เทียบกับระดับปิดตลาดวันจันทร์ที่ 1.2114 ดอลลาร์
และ 94.970 เยน
ตัวเลขศก.จีนหนุนน้ำมันดิบปรับขึ้น 0.41% -- ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิด
ขยับขึ้นเล็กน้อยในวันอังคาร หลังจากแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวัน โดยราคาน้ำมันได้รับผลกระทบจาก
ตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัว ซึ่งรวมถึงตัวเลขผลผลิตภาคโรงงานที่ดีขึ้นในจีน, ตัวเลขภาคโรงงานที่อ่อนแอ
ของยูโรโซน และผลสำรวจที่แสดงให้เห็นว่าภาคเอกชนของเยอรมนีหดตัวลง ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบ
เดือนก.ย.ปรับขึ้น 36 เซนต์ หรือ 0.41 % มาปิดตลาดที่ 88.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กังวลหนี้กรีซหนุนราคาทองสปอตขยับขึ้น -- ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐขยับขึ้น 1.07 ดอล
ลาร์ หรือ 0.1% สู่ 1,577.86 ดอลลาร์/ออนซ์ในวันอังคาร โดยรักษาระดับความแข็งแกร่งไว้ได้ดีกว่า
ตลาดหุ้นเป็นวันที่สองติดต่อกัน ในขณะที่นักลงทุนเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูง หลังจาก
เจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป (อียู) คาดการณ์ว่ากรีซอาจจำเป็นต้องปรับโครงสร้างหนี้เพิ่มเติม ทั้งนี้ ราคาทอง
ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาด COMEX ปิดลดลง 1.20 ดอลลาร์ ที่ 1,576.20 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคา
โลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ปิดลดลง 23.10 เซนต์ ที่ 26.811 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนที่ตลาด NYMEX
ราคาพลาตินั่มส่งมอบเดือนต.ค.ปิดร่วงลง 12.30 ดอลลาร์ ที่ 1,386.60 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคา
พัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดลดลง 9.35 ดอลลาร์ ที่ 561.60 ดอลลาร์/ออนซ์
SET:ปัจจัยจับตาการลงทุนวันนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบ-ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น
ต่างประเทศ
*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันอังคาร โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดลบ 0.82% ตลาดได้รับ
ผลกระทบจากสัญญาณที่ว่า วิกฤติยูโรโซนกำลังเลวร้ายลง และมีหลักฐานบ่งชี้ว่าการ
ชะลอตัวของยุโรป กำลังส่งผลกระทบต่อบริษัทสหรัฐ รวมถึงบริษัทยูพีเอส
*วานนี้ ตลาดหุ้นไทย, สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ ปิดบวกเล็กน้อย ด้วยปริมาณซื้อขาย
เบาบาง นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคาร แต่บรรยากาศโดยรวมยังคงอ่อนแอ ขณะที่ข้อมูลภาค
การผลิตที่อ่อนแอของเยอรมนี ได้บดบังสัญญาณการปรับตัวดีขึ้นในจีน ส่วนตลาดหุ้น
มาเลเซีย, อินโดนีเซีย และเวียดนาม ปิดปรับตัวลง
*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนก.ย.ปิดวานนี้ ปรับขึ้น 36
เซนต์ หรือ 0.41% ปิดที่ 88.50 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน
โดยราคาน้ำมันได้รับผลกระทบจากตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัว ทั้งผลผลิตภาคโรงงานที่ดี
ขึ้นในจีน, ตัวเลขภาคโรงงานที่อ่อนแอของยูโรโซน และผลสำรวจที่แสดงให้เห็นว่า
ภาคเอกชนของเยอรมนีหดตัวลง
*ดัชนีค่าระวางเรือ(Baltic Dry Index) ปิดวานนี้ ลบ 19 จุด หรือ 1.86% สู่
ระดับ 1003 โดยระดับสูงสุดของปีนี้อยู่ที่ 1624 และระดับต่ำสุดของปีนี้อยู่ที่ 647
*นายแอนโทนิส ซามาราส นายกรัฐมนตรีกรีซ เผยวานนี้ว่า เศรษฐกิจกรีซอาจจะถดถอย
เกิน 7% ในปีนี้ และประมาณการว่าเศรษฐกิจกรีซ จะยังไม่กลับมาขยายตัวก่อนปี 2014
*เศรษฐกิจกรีซ เผชิญกับภาวะถดถอยเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันแล้ว และเศรษฐกิจที่หดตัวลง
เกินคาด ส่งผลให้กรีซไม่สามารถบรรลุเป้าหมายด้านรายได้จากภาษี และการลดยอด
ขาดดุลงบประมาณ
เศรษฐกิจทั่วไป
*ครม.มีมติอนุมัติให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกู้เงินจากธ.ออมสิน วงเงิน
3.55 พันลบ. เพื่อใช้ในแผนการป้องกันน้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรม 6 แห่ง ที่ไม่
ถูกน้ำท่วมเมื่อปีที่แล้ว
*คณะอนุกรรมการเพื่อฟื้นฟูการลงทุนจากอุทกภัย อนุมัติส่งเสริมการลงทุน จำนวน 27
โครงการ ด้วยเงินลงทุนรวมประมาณ 1.6 หมื่นลบ.โดยมี 21 โครงการ ที่ยังลงทุน
ในที่ตั้งเดิม เพราะมั่นใจในแผนรับมือน้ำท่วม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในกลุ่มผลิตภัณฑ์
พลาสติก และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
*ครม.เห็นชอบมาตรการภาษีและค่าธรรมเนียม เพื่อสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนไทย
ในส่วนของการควบรวมกิจการและการแลกหุ้น เพื่อสนับสนุนการควบรวมกิจการ
ให้สามารถดำเนินการได้สะดวกขึ้น
*ธปท.ระบุการขยายตัวของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ขณะนี้ แม้ขึ้นมาอยู่ในระดับตัวเลข
สองหลัก แต่ยังไม่ได้ร้อนแรงจนน่าเป็นห่วง และยังสอดคล้องกับการขยายตัวของ
เศรษฐกิจไทย
*ธปท.เผยวิกฤติเศรษฐกิจในต่างประเทศขณะนี้ ยังไม่กระทบต่อเงินทุนไหลเข้าไทย
โดยยังมีเงินทุนไหลเข้าสุทธิอยู่
*ครม.เห็นชอบให้ขยายเวลาการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ออกไปอีก 1 เดือน
จนถึงสิ้นเดือนส.ค. จากเดิมจะสิ้นสุดในสิ้นเดือนก.ค
*แบงก์ชาติ จับตาสถานการณ์เศรษฐกิจในยุโรป หวั่นกระทบเศรษฐกิจรอบใหม่ ด้าน
"ประสาร" ชี้เป็นไปตามคาดการณ์ ไม่เปลี่ยนมุมมองเศรษฐกิจยุโรป ขณะมูดี้ส์หั่น
เรทติ้ง 3 ชาติ "เยอรมนี-เนเธอร์แลนด์-ลักเซมเบิร์ก" เป็น "ติดลบ" เหตุเสี่ยง
หากกรีซพ้นยูโรโซน ก่อวิกฤติเป็นลูกโซ่(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
*รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เผยว่า ครม.อนุมัติโครงการเร่งรัดขยายเส้นทางจราจร
สายทางพิษณุโลก-หล่มสักตอนที่ 1 และตอนที่ 2 เป็น 4 ช่องจราจร วงเงิน 3,301.6
ล้านบาท ภายใต้เงินกู้ของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย(นสพ.โพสต์ทูเดย์)
การเมือง
*นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การตัดสินใจว่าจะถอนร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ
ออกจากระเบียบวาระการประชุม สภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสภาผู้แทนราษฎร
ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะนัดชุมนุมคัดค้าน ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย
*กลุ่มพันธมิตรฯ ระบุจะนัดชุมนุมใหญ่ทันที หากสภาผู้แทนฯ และรัฐบาลไม่ถอนร่าง
พ.ร.บ.ปรองดอง ออกจากระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนฯ ที่จะเปิดสมัยประชุม
วันที่ 1 ส.ค.นี้ และพร้อมจะชุมนุมยืดเยื้อ ไปจนกว่าจะมีการถอนร่างกฎหมาย
รวมทั้งจะเคลื่อนมวลชนไปยังสถานที่ต่างๆ ด้วย
*"ประยุทธ์" ชี้ข้อกล่าวหา"อภิสิทธิ์"หนีทหาร คดีจบตั้งแต่ปี 2542 หลังกรรมการสอบ
สรุปไม่มีมูล เผย ทบ.ส่งเอกสารเดิมแจงกลาโหม ปิดปากไม่พูดใครผิด-ถูก "อภิสิทธิ์"
เตือนระวังหมิ่นศาล จ่อฟ้องหมิ่น"กมล" เพื่อไทยจี้"อภิสิทธิ์"โชว์ สด.41
(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
SET:คาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง ตามตลาดหุ้นตปท. ปัญหาหนี้ยุโรปยังกดดัน
*นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยวันนี้ ดัชนีจะปรับลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ
เนื่องจากยังได้รับแรงกดดันจากปัญหาหนี้ยุโรป ที่ทำให้นักลงทุนมีความกังวล
โดยแนะนำให้เลือกเก็งกำไร ในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กในช่วงนี้
*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันอังคาร โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดลบ 0.82% ตลาดได้รับผล
กระทบจากสัญญาณที่ว่าวิกฤติยูโรโซนกำลังเลวร้ายลง และมีหลักฐานบ่งชี้ว่าการ
ชะลอตัวของยุโรปกำลังส่งผลกระทบต่อบริษัทสหรัฐ รวมถึงบริษัทยูพีเอส
*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนก.ย.ปิดวานนี้ ปรับขึ้น 36
เซนต์ หรือ 0.41% ปิดที่ 88.50 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน
โดยราคาน้ำมันได้รับผลกระทบจากตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัว ทั้งผลผลิตภาคโรงงานที่ดี
ขึ้นในจีน, ตัวเลขภาคโรงงานที่อ่อนแอของยูโรโซน และผลสำรวจที่แสดงให้เห็นว่า
ภาคเอกชนของเยอรมนีหดตัวลง
*วันอังคารต่างชาติขายสุทธิ 1.14 พันลบ.จากวันจันทร์ขายสุทธิ 1.23 พันลบ.
*เช้านี้บาท/ดอลลาร์อยู่ที่ 31.78/85 จากเมื่อวันอังคารอยู่ที่ 31.78/82
*นักวิเคราะห์มองแนวรับที่ 1,173 ส่วนแนวต้านที่ 1,192
"วันนี้ตลาดมีโอกาสอ่อนตัวลง ดูจากตลาดต่างประเทศก็ไม่ดี เพราะยังถูกกดดัน
จากประเด็นหนี้ของยุโรป"นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์
บล.เอเซีย พลัส กล่าว
นายเทิดศักดิ์ กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้แนะนำให้เก็งกำไร หุ้นขนาดกลาง
และขนาดเล็ก และให้เลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เพราะมองว่าผลประกอบการกำลัง
ฟื้นตัว รวมถึงราคาหุ้นยังอยู่ระดับต่ำ นอกจากนี้ให้เลือกลงทุนในหุ้นที่จ่ายเงินปันผลดี
เขา กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้จะมีแนวรับที่ 1,173 ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,192
ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญ
*ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันอังคาร ปิดบวก 2.53 จุด หรือ 0.21% มาที่ 1,187.64
ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 26,853.70 ล้านบาท
*ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เมื่อวันอังคาร ปิดลบ 104.14 จุด หรือ 0.82% มาที่
12,617.32 และดัชนีแนสแดค ปิดลบ 27.16 จุด หรือ 0.94% มาที่ 2,862.99
*ตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ ส่วนใหญ่ปรับตัวลง โดยตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลบ 0.43%,
ญี่ปุ่น ลบ 1.32% ,เกาหลีใต้ ลบ 1.28%, ไต้หวัน ลบ 0.35% และฮ่องกง ลบ 0.86%
จับตาหุ้น
*AEONTS คาดกำไรปีนี้โตตัวเลข 2 หลัก ยอดบัตรเครดิตโต-ไม่มีสำรองเพิ่ม
*BANPU มองศก.โลก-ราคาถ่านหินอ่อนตัว กระทบผลประกอบการปีนี้,ลดงบลงทุน
*PTTEP คาดขายหุ้นเพิ่มทุนก่อนแจ้งงบ Q3, คงเป้ายอดขายปิโตรเลียมปีนี้
No comments:
Post a Comment