Tuesday, July 31, 2012

สรุปข่าวเศรษฐกิจรอบโลก 1 สค 55

ภาวะตลาดหุ้นประจำวันที่ 31 ก.ค. 

ดัชนี-ตลาด ปิดที่ระดับ เปลี่ยนแปลง 

ดาวโจนส์-ตลาดหุ้นนิวยอร์ค 13,008.68 - 64.33 
FTSE-ตลาดหุ้นลอนดอน 5,635.28 - 58.35 
DAX-ตลาดหุ้นเยอรมนี 6,772.26 - 1.80 
CAC-40-ตลาดหุ้นฝรั่งเศส 3,291.66 - 29.05 
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นมะนิลา 5,307.66 + 29.76 
เวทเต็ด-ตลาดหุ้นไต้หวัน 7,270.49 + 111.61 
S&P/ASX-ตลาดหุ้นออสเตรเลีย 4,269.20 + 23.50 
นิกเกอิ-ตลาดหุ้นโตเกียว 8,695.06 + 59.62 
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นโซล 1,881.99 + 38.20 
ฮั่งเส็ง-ตลาดหุ้นฮ่องกง 19,796.81 + 211.41 
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นมาเลเซีย 1,631.60 - 0.75 
FTSE STI-ตลาดหุ้นสิงคโปร์ 4,142.33 + 43.21 
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นจาการ์ตา 3,036.40 + 3.60 
SET-ตลาดหุ้นไทย 1,199.30 + 5.98 
SET-50-ตลาดหุ้นไทย 828.67 + 4.19 
SET-100-ตลาดหุ้นไทย 1,804.23 + 9.14 

ราคาพันธบัตรปิดบวกขณะรอผลประชุมเฟด -- ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นในวัน 
อังคาร ขณะที่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เริ่มการประชุม 2 วันแล้วท่ามกลางการ 
คาดการณ์ว่า มาตรการเพิ่มเติมจากเฟดเพื่อช่วยหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจอาจจะออกมาภาย 
ในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ทั้งนี้ ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปีปิดเพิ่มขึ้น 07/32 สู่ระดับ 102-16/32 
โดยมีผลตอบแทน 1.476% และราคาพันธบัตรอายุ 30 ปีปิดเพิ่มขึ้น 13/32 สู่ระดับ 109-04/32 
โดยมีผลตอบแทน 2.560% 

ยูโรแข็งค่าเทียบดอลล์,เยน ขณะรอผลประชุมเฟด,อีซีบี -- ยูโรปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับ 
ดอลลาร์และเยนในวันอังคาร ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มการประชุมวันแรก แต่นักลงทุน 
ลังเลที่จะเข้าซื้อยูโรอย่างมากเนื่องจากไม่แน่ใจว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะประกาศมาตร 
การใดๆในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้หรือไม่ ทั้งนี้ ดอลลาร์อยู่ที่ 78.120 เยน เทียบกับระดับปิดตลาด 
วันจันทร์ที่ 78.150 เยน ส่วนยูโรอยู่ที่ 1.2303 ดอลลาร์และ 96.120 เยน เทียบกับ ระดับปิด 
ตลาดวันจันทร์ที่ 1.2260 ดอลลาร์และ 95.820 เยน 

ตัวเลขศก.สหรัฐสดใสกดน้ำมันดิบปิดดิ่งลง 1.9% -- ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า 
NYMEX ร่วงลงเป็นวันที่สองติดต่อกันในวันอังคาร ในขณะที่นักลงทุนลดความคาดหวังที่มีต่อมาตรการ 
กระตุ้นเศรษฐกิจที่สหรัฐ และยุโรปอาจจะประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน 
ก.ย.ดิ่งลง 1.72 ดอลลาร์ หรือ 1.9% มาปิดตลาดที่ 88.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

ขายทำกำไรกดราคาทองร่วงลง -- ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐอ่อนลง 7.19 ดอลลาร์ 
หรือ 0.4% สู่ 1,613.30 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร ในขณะที่นักลงทุนขายทำกำไร 
ทอง หลังจากราคาทองพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว โดยในช่วงนี้นักลงทุนกำลังพิจารณาว่ามีโอกาสมาก 
เพียงใดที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะดำเนินมาตรการกระตุ้น 
เศรษฐกิจเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ ราคาทองส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาด COMEX ปิดร่วงลง 9.40 ดอล 
ลาร์ ที่ 1,614.60 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ปิดลดลง 11.90 เซนต์ ที่ 
27.914 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนที่ตลาด NYMEX ราคาพลาตินั่มส่งมอบเดือนต.ค.ปิดเพิ่มขึ้น 5.10 ดอล 
ลาร์ ที่ 1,416.90 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดบวก 2.20 ดอลลาร์ 
ที่ 590.55 ดอลลาร์/ออนซ์


SET:ปัจจัยจับตาการลงทุนวันนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบ-ราคาน้ำมันดิบปิดร่วง 

ต่างประเทศ 

*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับลงในวันอังคาร โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 0.49% ขณะเทรดเดอร์ 
มุ่งความสนใจไปที่แถลงการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในวันพุธนี้ เกี่ยวกับ 
ภาวะเศรษฐกิจและความเป็นไปได้ ในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ 
*วานนี้ ตลาดหุ้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น โดยตลาดหุ้นสิงคโปร์ 
ขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี ส่วนอินโดนีเซีย ทะยานแตะระดับสูงสุดรอบ 
เกือบ 3 เดือน จากแรงซื้อต่างชาติ ขณะที่ฟิลิปปินส์ ปรับตัวขึ้นเช่นกัน ส่วน 
มาเลเซียและเวียดนาม ปิดในแดนลบ 
*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนก.ย.ดิ่งลง 1.72 ดอลลาร์ 
หรือ 1.9% ปิดที่ 88.06 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยร่วงลงเป็นวันที่สองติดต่อกัน 
ขณะที่นักลงทุนลดความคาดหวังที่มีต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สหรัฐ และยุโรป 
อาจจะประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ 
*ดัชนีค่าระวางเรือ(Baltic Dry Index) ปิดวานนี้ ลบ 18 จุด หรือ 1.97% สู่ 
ระดับ 897 โดยระดับสูงสุดของปีนี้อยู่ที่ 1624 และระดับต่ำสุดของปีนี้อยู่ที่ 647 
*หนังสือพิมพ์โยมิอุริ รายงานว่า บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป เตรียมปรับเพิ่ม 
คาดการณ์ยอดขายทั่วโลกในปีนี้ขึ้นเป็น 8.8 ล้านคัน จาก 8.58 ล้านคันที่ประกาศ 
ไว้เมื่อก.พ. ขณะที่บริษัทคาดว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศตลาดเกิดใหม่จะขยายตัว 
แข็งแกร่ง 

เศรษฐกิจทั่วไป 

*วันนี้ กระทรวงพาณิชย์เผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือน ก.ค. ซึ่งโพลล์ 
รอยเตอร์ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเมื่อเทียบเป็นรายปี จะอยู่ที่ 2.60% แทบไม่ 
เปลี่ยนแปลงจาก 2.56% ในเดือนมิ.ย. เป็นผลจากการที่รัฐบาลเข้าควบคุม และ 
อุดหนุนราคาสินค้า ส่งผลให้ธปท.มีโอกาสสนับสนุนเศรษฐกิจ ด้วยการตรึงอัตรา 
ดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำ ขณะที่เผชิญกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก 
*ธปท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน มิ.ย.ที่ 51.5 ลดลงจาก 53.8 ในเดือน 
พ.ค. โดยผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นในเกือบทุกองค์ประกอบ ยกเว้นองค์ 
ประกอบด้านคำสั่งซื้อ ซึ่งเป็นผลมากจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก 
*ธปท.เผยเศรษฐกิจในเดือนมิ.ย.ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ซึ่งเป็นผลจากภาวะ 
เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวมากขึ้น จากวิกฤติหนี้ในกลุ่มยูโร ซึ่งส่งผลกระทบให้การ 
ส่งออก และการผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวลง 
*กระทรวงการคลังเผยยอดหนี้สาธารณะคงค้างของไทย ณ สิ้นเดือน พ.ค.55 อยู่ที่ 
4.668 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 42.55% ของจีดีพี เทียบกับยอดหนี้สาธารณะ ณ 
สิ้นเดือนเม.ย.อยู่ที่ 4.616 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 42.41% ของจีดีพี 
*ธปท.ประเมินปัญหาเศรษฐกิจโลกในรอบนี้ เป็นปัญหาที่ยืดเยื้อ ทำให้มาตรการดูแล 
เสถียรภาพเศรษฐกิจของไทย ควรเป็นมาตรการที่เน้นดูแลพื้นฐานเศรษฐกิจระยะยาว 
มากกว่ามุ่งมาตรการชั่วคราว เพื่อแก้ปัญหาระยะสั้น 
*ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ ม.หอการค้าไทย วิเคราะห์ผลกระทบการส่งออกไทย 
จากวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปว่า การส่งออกไทยปี 55 จะขยายตัวต่ำสุดในรอบ 3 ปีนับจากปี 
53 โดยจะขยายตัว 3.8-7.5% และมีโอกาสมากสุดถึง 50% ที่จะขยายตัว 5.8% จากปี 
54 ที่โต 17.2% โดยไตรมาส 3 ยังติดลบ 4.8% และเป็นบวก 11.1% ในไตรมาส 4 
(นสพ.มติชน) 

การเมือง 
*นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่ห่วงหากฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในช่วงสมัย 
ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่จะเปิดในวันนี้ เพราะเป็นการตรวจสอบตามกลไกรัฐสภา 
พร้อมย้ำว่า ยังไม่ปรับ ครม.ในขณะนี้ 
*รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เผยว่าการประชุมหน่วยงานความมั่นคง เห็นชอบจัด 
ตั้งศูนย์ปฎิบัติการ แก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะบูรณาการ 17 หน่วยงาน 
ด้านความมั่นคงเข้าด้วยกัน เพื่อให้การทำงานเป็นเอกภาพ 
*โฆษกพรรคเพื่อไทย เผยว่า ที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย มีข้อสรุปว่า จะยังไม่ลง 
มติวาระ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 แต่จะไม่ถอนออกจากระเบียบวาระการ 
ประชุมรัฐสภา โดยระหว่างนี้ให้ตั้งคณะกรรมการร่วม ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรค 
ร่วมรัฐบาล เพื่อหาข้อสรุปคาดว่าจะใช้เวลา 1-2 เดือน 
*ศาลอาญาพิพากษาจำคุก"พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์" โฆษกพรรคเพื่อไทย และ"เกียรติ์อุดม 
เมนะสวัสดิ์" ส.ส.จังหวัดอุดรธานี พรรคเพื่อไทย คนละ 1 ปี และปรับคนละ 5 
หมื่นบาท กรณีหมิ่นประมาทประธานศาลรัฐธรรมนูญ(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ) 
*"ประชาธิปัตย์" ตั้งคณะรวบรวมข้อมูล รอชำแหละผลงานรัฐบาลครบ 1 ปี และอภิปราย 
ไม่ไว้วางใจ มอบ "บัญญัติ-จุติ-สาทิตย์"คุม(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)




SET:คาดหุ้นไทยวันนี้อ่อนตัวลงตามตลาดต่างประเทศ รอผลประชุมเฟด,ราคาน้ำมันลด 


*นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ คาดหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสอ่อนตัว ตามทิศทางตลาดหุ้น 
ต่างประเทศ ที่ส่วนใหญ่ปรับตัวลง ขณะที่ตลาดยังรอผลการประชุมของธนาคารกลาง 
สหรัฐ(เฟด) ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง อาจจะถ่วงภาพรวมการลงทุน 
*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับลงในวันอังคาร โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 0.49% ขณะเทรดเดอร์ 
มุ่งความสนใจไปที่แถลงการณ์ของเฟด ในวันพุธนี้ เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและความ 
เป็นไปได้ ในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ 
*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนก.ย.ดิ่งลง 1.72 ดอลลาร์ หรือ 
1.9% ปิดที่ 88.06 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยร่วงลงเป็นวันที่สองติดต่อกัน ขณะที่ 
นักลงทุนลดความคาดหวังที่มีต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สหรัฐ และยุโรปอาจจะ 
ประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ 
*วันอังคารต่างชาติซื้อสุทธิ 1.52 พันลบ.จากวันจันทร์ซื้อสุทธิ 1.26 พันลบ. 
*เช้านี้บาท/ดอลลาร์ อยู่ที่ 31.51/55 เมื่อวันอังคารอยู่ที่ 31.45/48 
*นักวิเคราะห์มองแนวรับที่ 1,193 และ 1,185 ส่วนแนวต้านที่ 1,210 จุด 

"ตลาดน่าจะมีการพักตัวระหว่างวัน หลังขึ้น 3 วันทำการจนไปชนระดับจิตวิทยาที่ 
1,200 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐก็ปรับตัวลดลง...commodity อ่อนตัวทั้งราคาน้ำมัน และทองคำ 
เอเชียเช้านี้เปิดมาส่วนใหญ่ก็อ่อนตัวลง"นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ 
ตลาดทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าว 
การประชุมเฟดมีขึ้นตั้งแต่เมื่อวานนี้ และต่อเนื่องในวันนี้ หลังจากนั้นจะมี 
แถลงการณ์ออกมา ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะจัดประชุมกำหนดนโยบาย 
การเงินในวันพฤหัสบดีนี้ ท่ามกลางความหวังว่าอาจจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา 
เขา เห็นว่าตลาดหุ้นไทย แม้จะยังคงมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามา 
แต่น่าจะเป็นลักษณะการเลือกลงทุน มากกว่าการไล่ราคาหุ้น ซึ่งจะทำให้ดัชนีขยับไม่ได้ 
มากนัก ขณะที่ตลาดยังรอผลประชุมเฟดและอีซีบี ที่จะมีออกมาในสัปดาห์นี้ด้วย 

ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญ 

*ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันอังคาร ปิดบวก 5.98 จุด หรือ 0.5% มาที่ 
1,199.30 ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 27,803.55 ล้านบาท 
*ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เมื่อวันอังคาร ปิดลบ 64.33 จุด หรือ 0.49% มาที่ 
13,008.68 และดัชนีแนสแดค ปิดลบ 6.32 จุด หรือ 0.21% มาที่ 2,939.52 
*ตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ ส่วนใหญ่ลบ โดยตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลบ 0.21%,ญี่ปุ่น 
ลบ 1.24%, เกาหลีใต้ ลบ 0.5%, ไต้หวัน ลบ 0.44% และตลาดหุ้นฮ่องกง 
ลบ 0.48% 

จับตาหุ้น 

*AOT คาดผู้โดยสารใช้สนามบินดอนเมืองปี 56 เพิ่มเป็น 14 ล้านคน 
*TRUE คาด Q2 ขาดทุน, ปี 55-56 จะขาดทุนต่อเนื่อง หลังลงทุนระบบ 3G 
*QH เพิ่มเป้ากำไรสุทธิปีนี้เป็นโต 100%, ขายสินทรัพย์-ได้ประโยชน์ภาษี 
*SCB ปรับเพิ่มเป้าสินเชื่อปีนี้เป็นโต 18-19% หลัง H1 สินเชื่อโตดี 
*L&E คาดกำไรสุทธิ Q2/55 ต่ำกว่าที่คาด, คงเป้ายอดขายปีนี้โต 15% 
*TSTH เผย Q1 สิ้นสุดมิ.ย.55 พลิกขาดทุนสุทธิ 200.85 ลบ.



No comments:

Post a Comment