Wednesday, June 20, 2012

สรุปข่าวเศรษฐกิจรอบโลก 21 มิย 55

ภาวะตลาดหุ้นประจำวันที่ 20 มิ.ย. 

ดัชนี-ตลาด ปิดที่ระดับ เปลี่ยนแปลง 

ดาวโจนส์-ตลาดหุ้นนิวยอร์ค 12,824.39 - 12.94 
FTSE-ตลาดหุ้นลอนดอน 5,622.29 + 35.98 
DAX-ตลาดหุ้นเยอรมนี 6,392.13 + 28.77 
CAC-40-ตลาดหุ้นฝรั่งเศส 3,126.52 + 8.60 
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นมะนิลา 5,146.46 + 64.85 
เวทเต็ด-ตลาดหุ้นไต้หวัน 7,334.63 + 61.50 
S&P/ASX-ตลาดหุ้นออสเตรเลีย 4,132.40 + 9.10 
นิกเกอิ-ตลาดหุ้นโตเกียว 8,752.31 + 96.44 
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นโซล 1,904.12 + 12.35 
ฮั่งเส็ง-ตลาดหุ้นฮ่องกง 19,518.85 + 102.18 
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นมาเลเซีย 1,604.39 + 9.41 
FTSE STI-ตลาดหุ้นสิงคโปร์ 2,855.68 + 13.27 
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นจาการ์ตา 3,943.89 + 63.08 
SET-ตลาดหุ้นไทย 1,173.24 + 0.15 
SET-50-ตลาดหุ้นไทย 816.68 - 0.22 
SET-100-ตลาดหุ้นไทย 1,772.90 - 0.13 

ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปิดไร้ทิศทาง -- ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐส่วนใหญ่ 
ร่วงลงเล็กน้อยในวันพุธ แต่ราคาพันธบัตรประเภทอายุ 30 ปีปรับขึ้น โดยได้รับแรงหนุน 
จากข่าวที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วางแผนจะซื้อพันธบัตรระยะยาวเพิ่มเติม 
ในขณะที่เฟดต่ออายุให้กับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อช่วยหนุนเศรษฐกิจสหรัฐ 
ที่เสี่ยงต่อการเข้าสู่ภาวะชะงักงัน ทั้งนี้ ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปีปิดร่วงลง 06/32 
สู่ 100-30/32 โดยมีผลตอบแทน 1.647 % และราคาพันธบัตรอายุ 30 ปีปิดปรับขึ้น 
08/32 สู่ 105-19/32 โดยมีผลตอบแทน 2.723 % 

ดอลล์อ่อนเทียบยูโรหลังเฟดต่ออายุ Operation Twist -- ดอลลาร์ปรับตัวลง 
เมื่อเทียบกับยูโรในการซื้อขายที่ผันผวนในวันพุธหลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อ 
อายุมาตรการกระตุ้นด้านการเงินหรือ Operation Twist จนถึงสิ้นปีนี้ และระบุว่า 
เฟดพร้อมที่จะดำเนินการมากขึ้นเพื่อช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งดู 
เหมือนมีความเปราะบางเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ดอลลาร์อยู่ที่ 79.550 เยน เทียบกับระดับปิด 
ตลาดวันอังคารที่ 78.920 เยน ส่วนยูโรอยู่ที่ 1.2701 ดอลลาร์และ 101.04 เยน 
เทียบกับระดับปิดตลาดวันอังคารที่ 1.2687 ดอลลาร์และ 100.12 เยน 

น้ำมันดิบดิ่งลง 2.28 ดอลล์หลังสต็อกน้ำมันเพิ่ม 
-- ราคาน้ำมันดิบในตลาด 
ล่วงหน้า NYMEX ดิ่งลงเกือบ 3 % ในวันพุธ ในขณะที่สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 
เกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว และนักลงทุนผิดหวังกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) 
ไม่ได้ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่งมากนัก ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ 
ส่งมอบเดือนก.ค.รูดลง 2.28 ดอลลาร์ หรือ 2.7 % มาปิดตลาดที่ 81.75 ดอลลาร์ต่อ 
บาร์เรล 

ทองร่วงลงหลังเฟดไม่ประกาศ QE3 -- ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐร่วงลง 
8.51 ดอลลาร์ หรือ 0.5 % สู่ 1,608.09 ดอลลาร์/ออนซ์ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขาย 
ที่ผันผวนในวันพุธ ในขณะที่นักลงทุนขายทองออกมาเนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) 
ไม่ได้ประกาศมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม (QE3) หลังการประชุมวันพุธ 
ทั้งนี้ ราคาทองส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาด COMEX ปิดร่วงลง 7.40 ดอลลาร์ สู่ 1,615.80 
ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ปิดปรับขึ้น 2.10 เซนต์ สู่ 28.389 
ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนที่ตลาด NYMEX ราคาพลาตินั่มส่งมอบเดือนก.ค.ปิดร่วงลง 13.70 
ดอลลาร์ สู่ 1,466.80 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดร่วงลง 
9.90 ดอลลาร์ สู่ 619.50 ดอลลาร์/ออนซ์




SET:ปัจจัยจับตาการลงทุนวันนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐและราคาน้ำมันดิบปรับลง 


ต่างประเทศ 

*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับลงในวันพุธ หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดำเนินการเพื่อ 
ช่วยเหลือเศรษฐกิจที่เปราะบาง ด้วยมาตรการกระตุ้นที่เป็นไปตามคาดการณ์ของตลาด 
โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดลบ 0.10% 
*ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ประกาศคงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ในกรอบ 0-0.25% 
ในการประชุมวานนี้ ซึ่งเป็นระดับที่กำหนดไว้ในการประชุมเดือนธ.ค.51 โดยย้ำว่า 
เฟดจะยังรักษาอัตราดอกเบี้ย ให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษอย่างน้อยจนถึงปลายปี 57 
*เฟดยังมีมติต่ออายุมาตรการ Operation Twist ไปจนถึงสิ้นปีนี้ จากเดิมจะสิ้นสุด 
เดือนนี้ โดยการขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นประเภทที่มีอายุไม่เกิน 3 ปี และ 
เข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไปในปริมาณเท่ากัน เพื่อกดดัน 
อัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้ลดต่ำลง โดยเฟดจะเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวมูลค่า 
2.67 แสนล้านดอลลาร์ จนถึงสิ้นปีนี้ 
*วานนี้ ตลาดหุ้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปรับขึ้น จากความหวังที่ว่าธนาคารกลาง 
ชั้นนำของโลก ซึ่งรวมถึงเฟด จะออกมาตรการกระตุ้นทางการเงินครั้งใหม่ ซึ่งช่วย 
หนุนแรงซื้อสินทรัพย์เสี่ยง ส่งผลให้ตลาดหุ้นมาเลเซีย, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, 
อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ต่างปิดในแดนบวก 
*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนก.ค.ปิดวานนี้รูดลง 2.28 ดอลลาร์ 
หรือ 2.7% ปิดที่ 81.75 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้นเกิน 
คาดในสัปดาห์ที่แล้วและนักลงทุนผิดหวังกับการที่เฟดไม่ได้ดำเนินมาตรการกระตุ้น 
เศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่งมากนัก 
*ดัชนีค่าระวางเรือ(Baltic Dry Index) ปิดวานนี้ บวก 18 จุด หรือ 1.89% สู่ 
ระดับ 972 โดยระดับสูงสุดของปีนี้อยู่ที่ 1624 และระดับต่ำสุดของปีนี้อยู่ที่ 647 
*ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป(อีซี) ระบุว่า จำเป็นต้องหาวิธีเพื่อให้การสนับสนุน 
โดยตรงแก่ภาคธนาคารของยุโรป แทนที่จะปล่อยเงินกู้ให้แก่รัฐบาลที่จะนำเงินไป 
เพิ่มทุนให้แก่ธนาคารที่ย่ำแย่ 
*ร่างแถลงการณ์ของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา 19 ประเทศ รวมทั้งสหภาพ 
ยุโรป (จี-20) ระบุว่า จี-20 จะเฝ้าระวังการปรับตัวของราคาน้ำมัน และจะดำเนิน 
มาตรการเพิ่มเติมที่จำเป็น ซึ่งมาตรการจะรวมถึงพันธกรณีของประเทศผู้ผลิต ในการ 
รับประกันปริมาณน้ำมันที่เหมาะสม และจี-20 ขานรับต่อความพร้อมของซาอุดิอาระเบีย 
ในการใช้กำลังการผลิตที่เหลืออยู่หากจำเป็น 

เศรษฐกิจทั่วไป 

*"กิตติรัตน์"เผยที่ประชุมหารือเพื่อติดตามภาวะเศรษฐกิจ ครั้งที่ 5 มอบหมายให้ 
กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงแรงงาน เตรียมมาตรการรองรับ 
ผลกระทบจากวิกฤติหนี้ในยุโรป ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับ 4 กลุ่มอุตสาหกรรม พร้อม 
ให้การดูแลใกล้ชิด ทั้ง 4 กลุ่มอุตสาหกรรม ประกอบด้วย อัญมณีและเครื่องประดับ 
สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์จากยางพารา 
*ส.อ.ท.เผยยอดผลิตรถยนต์เดือนพ.ค.เติบโต 105.29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 
มาที่ระดับ 2.03 แสนคัน นับเป็นสถิติสูงสุดรอบ 50 ปี ขณะที่การส่งออกรถยนต์ 
สำเร็จรูปในเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 122% 
*ส.อ.ท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือนพ.ค.อยู่ที่ 106.0 จาก 104.0 
ในเดือนเม.ย. นับเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็น เดือนที่ 6 และเป็นการปรับขึ้น 
เกินระดับ 100 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 สะท้อนความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่มี 
เศรษฐกิจไทยว่า ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี 
*โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. เผยว่าได้ประมาณการตัวเลขการผลิตรถยนต์ 
ในประเทศปีนี้ที่ราว 2.2 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 51% จากปีก่อน โดยเป็นการผลิตเพื่อ 
การส่งออกราว 1 ล้านคัน และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 1.2 ล้านคัน เป้าการ 
ผลิตรถยนต์ที่ 2.2 ล้านคัน ยังนับเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 
*ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวย้ำว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยในขณะนี้ ยังค่อนข้าง 
เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ แต่ยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศอย่าง 
ใกล้ชิด ซึ่งหากสถานการณ์เศรษฐกิจยุโรป หรือเศรษฐกิจโลก เกิดการชะลอตัวอย่าง 
รุนแรง ก็จะต้องประเมินนโยบายดอกเบี้ยใหม่อีกครั้ง 
*"กิตติรัตน์"เผยว่า กระทรวงการคลัง พร้อมจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้น หากเศรษฐกิจโลก 
มีปัญหาที่รุนแรง แต่ขณะนี้เห็นว่ายังไม่จำเป็น ต้องจัดตั้งกองทุน เนื่องจาก 
สถานการณ์เศรษฐกิจโลกและยุโรปยังไม่เลวร้าย และยังไม่มีสัญญาณว่าจะรุนแรงขึ้น 
ในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า อีกทั้งเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง และพร้อมจะรองรับปัญหา 
เศรษฐกิจโลกได้ 
*กระทรวงการคลังเผย ยอดหนี้สาธารณะคงค้างของไทย ณ สิ้นเดือน เม.ย.55 อยู่ที่ 
4.615 ล้านลบ.หรือคิดเป็น 42.40% ของจีดีพีเทียบกับยอดหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือน 
มี.ค. อยู่ที่ 4.473 ล้านลบ.หรือ คิดเป็น 41.42% ของจีดีพี 
*กสทช.เผยที่ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ไม่มีข้อสรุปเรื่องราคา 
เริ่มต้นการประมูล 3 จี เนื่องจากคณะเศรษฐศาสตร์จุฬาฯ ขอพิจารณารายละเอียดของ 
การกำหนดราคาอีกครั้ง และจะสรุปพร้อมนำเสนอบอร์ด กทค.พิจารณาในวันที่ 25 มิ.ย. 
มั่นใจจะสามารถสรุปราคาเริ่มต้นประมูล 3 จีได้แน่นอน และยืนยันการเปิดประมูล 
3 จี จะเกิดขึ้นในก.ย.-ต.ค.นี้(นสพ.ไทยรัฐ) 
*บอร์ด กทค.ลงมติยืนยันสัญญา 3 จี กสท-ทรู ขัดมาตรา 46 พ.ร.บ.คลื่นความถี่ 
สั่ง กสท รื้อต้นขั้วแก้ไขสัญญาภายใน 30 วัน ยันลูกค้ายังใช้บริการปกติ สัญญา 
ยังไม่โมฆะ (นสพ.ไทยรัฐ) 
*ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ระบุวิกฤติเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหภาพยุโรป 
คาดว่ามีผลกระทบต่อไทยน้อยมาก ส่วนมติครม.ที่ให้กระทรวงการคลังเตรียมจัดตั้ง 
กองทุนพยุงหุ้น เพื่อเตรียมรองรับสถานการณ์ที่อาจจะมีผลกระทบอย่างรุนแรงในอนาคต 
ไม่ใช่ปัจจุบัน หรือกำลังจะเกิดขึ้นในอีก 1-2 วันข้างหน้า (นสพ.ไทยรัฐ) 
*"กิตติรัตน์" ระบุ คลังจะไม่ปรับภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น และทำให้ 
กระทบกับราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศ โดยจะต้องหารือกับกระทรวงพลังงาน 
หากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ยังมีความจำเป็นต้องเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ต่อไป 
กระทรวงการคลังก็จะไม่ปรับขึ้นภาษีน้ำมันดีเซล(นสพ.โพสต์ทูเดย์) 

การเมือง 

*กกต.มีมติเสียงข้างมาก ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง"การุณ โหสกุล" ส.ส.กรุงเทพฯ 
เขต 12 พรรคเพื่อไทย เหตุจากการปราศรัยใส่ร้ายผู้สมัครรับเลือกตั้ง พรรคคู่แข่ง 
ด้วยความเท็จหลายครั้ง 
*สวนดุสิตโพล ระบุว่า ประชาชน 84.12% รับไม่ได้ หากการเมืองไทยจะมีฝ่ายรัฐบาล 
เพียงฝ่ายเดียว เพราะจะเป็นการบริหารบ้านเมืองแบบเผด็จการ ไม่มีการถ่วงดุลหรือ 
คานอำนาจ ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย ขณะที่ 15.88% ระบุว่ารับได้ หากรัฐบาล 
และฝ่ายค้านสามารถทำได้จริง อยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข ปรองดอง 
*"ร.ต.อ.เฉลิม"ระบุว่า พรรคเพื่อไทยจะเปิดปราศรัยใหญ่ 28 มิ.ย.ที่ วงเวียนใหญ่ 
เพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจกับประชาชน กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 50,ร่างพ.ร.บ. 
ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ, นโยบายของรัฐบาล และการแก้ไขปัญหายาเสพติด 
*ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแก้รัฐธรรมนูญ ล้มล้างระบอบประชาธิปไตย 
ครบแล้ว พร้อมไต่สวนฝ่ายผู้ร้องและฝ่ายถูกกล่าวหา 5-6 ก.ค(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)




SET:คาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งแคบหลังเฟดต่ออายุ Operation Twist,ราคาน้ำมันลงถ่วง 

*นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ คาดหุ้นไทยวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ แต่มีโอกาสที่จะ 
ดีดตัวขึ้นได้ในช่วงเช้า หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ต่ออายุมาตรการ 
Operation Twist ไปจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อกดดันอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้ลดต่ำลง 
*ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงแรงเมื่อคืนนี้ ยังเป็นปัจจัยกดดันต่อการลงทุนในหุ้น 
กลุ่มพลังงาน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ 
*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับลงในวันพุธ หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดำเนินการเพื่อ 
ช่วยเหลือเศรษฐกิจที่เปราะบาง ด้วยมาตรการกระตุ้นที่เป็นไปตามคาดการณ์ของตลาด 
โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดลบ 0.10% 
*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนก.ค.ปิดวานนี้รูดลง 2.28 ดอลลาร์ 
หรือ 2.7% ปิดที่ 81.75 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้นเกิน 
คาดในสัปดาห์ที่แล้วและนักลงทุนผิดหวังกับการที่เฟด ไม่ได้ดำเนินมาตรการกระตุ้น 
เศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่งมากนัก 
*วันพุธต่างชาติซื้อสุทธิ 20.77 ลบ.จากวันอังคารขายสุทธิ 1.04 พันลบ. 
*เช้านี้บาท/ดอลลาร์ อยู่ที่ 31.60/64 เมื่อวันพุธอยู่ที่ 31.46/50 
*นักวิเคราะห์มองแนวรับที่ 1,165 และ 1,160 ส่วนแนวต้านที่ 1,175 และ 1,180 จุด 

"วันนี้มีโอกาสที่จะเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ FOMC ต่ออายุ Operation Twist 
แต่ตลาดสหรัฐตอบสนองต่ำมาก เพราะระยะเวลาที่ใช้สั้นไป และเม็ดเงินที่ใช้ก็ต่ำกว่าคาดของ 
เรา อาจจะบวกได้และทรงๆ ถึงมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง"นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ 
บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าว 
เขา เห็นว่าแม้จะมีการขายทำกำไรออกมาบ้าง แต่ภาพการลงทุนไม่น่าจะเสียหาย 
เพราะโดยรวมการออกมาตรการดังกล่าวของเฟด นับว่าเป็นผลดีต่อตลาด เพียงแต่นักลงทุน 
มีความคาดหวังมากกว่านี้ โดยช่วงเปิดตลาดดัชนีอาจจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,175-1,180 จุด 
และอาจจะมีแรงขายทำกำไรออกมา 
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับลดลงมากเมื่อคืนที่ผ่านมา ก็จะมีผลต่อการ 
ลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานบ้าง แต่ไม่มากนัก เพราะหุ้นในกลุ่มพลังงานได้ปรับลดลงมาตอบรับ 
ราคาน้ำมันที่มีทิศทางอ่อนตัวลงไปบ้างแล้ว 
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติให้คงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ย 
ระยะสั้น (fed funds rate) อยู่ในกรอบ 0-0.25% ในการประชุมวานนี้ และย้ำว่าจะยังคง 
รักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษ อย่างน้อยจนถึงปลายปี 2014 
นอกจากนี้ ต่ออายุให้แก่มาตรการ Operation Twist ไปจนถึงสิ้นปีนี้ จากเดิมที่จะ 
สิ้นสุดลงในเดือนนี้ โดยเฟดดำเนินมาตรการดังกล่าว ด้วยการขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น 
ประเภทที่มีอายุไม่เกิน 3 ปี และเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไปใน 
ปริมาณเท่ากัน เพื่อกดดันอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้ลดต่ำลง ขณะที่เฟดระบุว่าจะเข้าซื้อ 
พันธบัตรระยะยาวมูลค่า 2.67 แสนล้านดอลลาร์จนถึงสิ้นปีนี้ 

ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญ 
*ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันพุธ ปิดบวก 0.15 จุด หรือ 0.01% มาที่ 
1,173.24 ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 20,306.52 ล้านบาท 
*ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เมื่อวันพุธ ปิดลบ 12.94 จุด หรือ 0.1% มาที่ 
12,824.39 และดัชนีแนสแดค ปิดบวก 0.69 จุด หรือ 0.02% มาที่ 2,930.45 
*ตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ มีทั้งบวกและลบ โดยตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลบ 0.46%,ญี่ปุ่น 
บวก 1.03%, เกาหลีใต้ ลบ 0.42%, ไต้หวัน ลบ 0.39% และตลาดหุ้นฮ่องกง 
ลบ 0.29% 

จับตาหุ้น 
*AOT จะลดค่าธรรมเนียมขึ้นลงสนามบินดอนเมือง จูงใจใช้สนามบิน-ลดแออัดสุวรรณภูมิ 
*STEC หลังรฟท.ระบุ บริษัทลดค่าก่อสร้างรถไฟฟ้าสีแดงสัญญา 1 ,เสนอครม.อังคารหน้า 
*KBS ตั้งเป้ารายได้-กำไรปี 56 โตประมาณ 10% จากปีนี้ 
*AMATA หลังอมตะ บี.กริมฯเล็งเพิ่มทุน หลังรุกแผนสร้างโรงไฟฟ้ามูลค่ากว่า 7 
หมื่นลบ. 
*WACOAL คาดรายได้ปีนี้เติบโต 10-15%, ศึกษาแผนตั้งโรงงานในต่างประเทศ 
*ICC คาดกำไรปีนี้โตตามรายได้ ที่โต 30-40%,ออกสินค้าใหม่กระตุ้นการซื้อ 
*BCP ตั้งเป้ากลั่นน้ำมันปี 56 เพิ่มขึ้น,วางงบการตลาด 2 พันลบ.ใน 3 ปี

No comments:

Post a Comment