โบรกฯต่างแนะซื้อ PTTGC แนวโน้มระยะยาวดีสุดแต่Q2/55 เสี่ยงขาดทุนสต็อก
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 21 พฤษภาคม 2555 15:16:41 น.

โบรกเกอร์ต่างแนะ"ลงทุน"หุ้นบมจ.พีทีพีโกลบอล(PTTGC)แม้ประเมินไตรมาส 2/55 มีแนวโน้มขาดทุนสต็อกน้ำมัน หลังจากราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวลงต่อเนื่อง รวมทั้งสเปรดปิโตรเคมีก็ปรับตัวลงด้วยเช่นกันจากปัญหาเศรษฐกิจโลก แต่อย่างไรก็ตามคาดผลประกอบการครึ่งปีหลังจะทยอยดีขึ้น และจะดีขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปี 59 จากซัพพลายใหม่ที่ไม่มีเพิ่มขึ้นเข้ามาในตลาดโลก ขณะที่ความต้องการยังมีสูงขึ้น จึงแนะให้ซื้อและถือลงทุนมากกว่า 6-12 เดือนจะได้ผลตอบแทนที่ดี

โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท)
บล.เอเชียพลัส ซื้อ 87.29
บล.ฟิลลิป ซื้อ 86.00
บล.บัวหลวง ซื้อ 82.00
บล.ดีบีเอสฯ ลงทุนระยะยาว 79.00
บล.เคทีซีมิโก้ ซื้อ 78.00
นายณภัทร จันทรเสรีกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ดีบีเอสวิคเกอร์ส(ประเทศไทย)คาดว่า ผลประกอบการของ PTTGC ในไตรมาส 2/55 ไม่ดี เนื่องจากสเปรดปิโตรเคมีไม่ดีนัดตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง และคาดว่าจะมีขาดทุนสต็อกน้ำมันประมาณ 10 เหรียญ/บาร์เรล จากสิ้นไตรมาส 1/55

แต่ครึ่งปีหลังภาคอุตสาหกรรมน่าจะดีขึ้น ความต้องการในตลาดโลกที่จะค่อยๆเติบโต ขณะที่ซัพพลายใหม่ยังไม่มีเข้ามาเพิ่มก็จะทำให้สเปรดน่าจะกระเตื้องขึ้น ทั้งนี้ ประมาณการล่าสุดคาดการณ์ว่าปีหน้าจะปิโตรเคมีจะดีและต่อเนื่องไปจนถึงปี 59

ดังนั้น แม้ในระยะสั้นธุรกิจไม่ค่อยดี เพราะปัญหาหนี้ยุโรปและเศรษฐกิจจีนชะลอตัว แต่เมื่อปัญหาเหล่านี้หายไป และไม่มีซัพพลายใหม่ กลุ่มปิโตรเคมีจะได้ประโยชน์เต็มที่ใน 2-3 ปี เพราะกว่าจะสร้างโรงงานใหม่ก็ใช้เวลาค่อนข้างมาก

"เราชอบปิโตรฯอยู่แล้ว เพียงแต่ระยะสั้นดูเหมือนมีความผันผวนเยอะ แต่ว่าถ้าสามารถถือได้ 6-12 เดือนขึ้นไป โดยเฉพาะข้ามปีไป ผมว่าตัวนี้น่าจะให้ผล Return ที่ดี แต่จังหวะเข้าก็ต้องดูด้วย"นายณภัทร กล่าว

ด้านนายวิกิจ ธิรวณรัตน์ ผู้จัดการสายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บล.บัวหลวง คาดว่า ไตรมาส 2/55 น่าจะประสบผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน จากราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวลงต่อเนื่อง รวมทั้งส่วนต่างหรือสเปรดปิโตรเคมีก็ยังเป็นขาลง แต่ครึ่งปีหลังคาดว่าผลประกอบการน่าจะขยับดีขึ้น

"ราคาหุ้นยังถูกกดดดันมีคามเป็นไปได้ราคาหุ้นจะ underperform ในแง่กลยุทธ์คิดว่ายังไม่น่าซื้อ คือถ้าเข้าซื้อตอนนี้ราคาไม่ขึ้น ถึงแม้ราคาจะ underperform แต่เราดูในแง่ปัจจัยพื้นฐานก็ยังน่าซื้อ ให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 82 บาท"นายวิกิจ กล่าว

อย่างไรก็ดี ผู้บริหารมองเชิงบวกน้อยลงสำหรับค่าการกลั่นและส่วนต่างราคาพาราไซลีน เนื่องจากกำลังการผลิตของอุตสาหกรรมที่เพิ่มเข้ามามีแนวโน้มที่จะมากกว่ากการเติบโตของอุปสงค์ในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า นอกจากนี้การปิดโรงงานอย่างไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าหนุนให้ส่วนต่างราคาพาราไซลีนปรับตัวเพิ่มขึ้นมากเป็นพิเศษในปีที่แล้ว ส่วนต่างราคาพาราไซลีนจึงมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลง 6% YoY เป็น 571 เหรียญต่อตันในปีนี้ ขณะที่ค่าการกลั่นน่าจะปรับตัวลดลง 5-6 เหรียญต่อบาร์เรลจาก 6.4 เหรียญต่อบาร์เรลในปี 2554

ด้าน บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) เห็นว่า แนวโน้มผลประกอบการ PTTGC ไตรมาส 2/55 มีความเสี่ยงจากขาดทุนสต็อค และส่งผลให้กำไรชะตัว q-q จากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่องจากสิ้น 1Q55 โดยล่าสุดน้ำมันดูไบอยู่ที่ประมาณ 107 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลงจากปิดสิ้นงวด 1Q55 ที่ 120 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และเฉลี่ยไตรมาสที่ 116 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

จากปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปที่ยังยืดเยื้อ และการปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตเศรษฐกิจของจีนทำให้อุปสงค์ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีลดลง และจากแนวโน้มอุปสงค์ที่ไม่แน่นอน จึงทำให้ผู้ผลิตสินค้าเปลี่ยนรูปแบบการสั่งซื้อวัตถุดิบ (เม็ดพลาสติก, MEG, PZ, BZ ) จากเดิมที่จะมีการสะสมสต็อคล่วงหน้าเป็นแบบสั่งซื้อแค่พอสำหรับผลิตสินค้า อีกทั้งแนวโน้มราคาน้ำมันที่ลดลงจะส่งผลลบให้ราคาผลิตภัณฑ์ปรับลดลงตามผู้ผลิตก็ชะลอคำสั่งซื้อ

จากปัจจัยที่กล่าวมาทำให้ขาดปัจจัยเชิงบวกมาหนุนให้ราคาปิโตรเคมีปรับขึ้นได้ในระยะอันใกล้ โดยจากการคาดการณ์ของ CMAI เมื่อเดือนเม.ย. และบริษัท ประเมินว่าแนวโน้มส่วนต่างผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก (HDPE, LDPE), MEG, PX และ BZ จะอยู่ระดับต่ำต่อไปใน ไตรมาส 2/55-3/55

--อินโฟเควสท์