AH, SAT บวกสวนตลาดรวม โบรกฯระบุข้อมูลยืนยันอุตฯยานยนต์ไทยฟื้นตัวแกร่ง
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 18 มกราคม 2555 10:43:29 น.

หุ้น AH และ SAT ราคาวิ่งขึ้นสวนทางตลาดโดยรวมที่ปรับตัวลง 1.52 จุดในเมื่อเวลา 10.18 น.โดยหุ้น AH อยู่ที่ 11.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท(+4.76%) มูลค่าซื้อขาย 2.03 ล้านบาท ส่วนหุ้น SAT ราคาอยู่ที่ 22.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท (+2.79%)มูลค่าซื้อขาย 19.48 ล้านบาท

และล่าสุดเมื่อเวลา 10.38 น. หุ้น AH อยู่ที่ 11.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท(+5.71%) มูลค่าซื้อขาย 5.28 ล้านบาท ส่วนหุ้น SAT ราคาอยู่ที่ 22.50 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท (+4.65%)มูลค่าซื้อขาย 41.15 ล้านบาท

บล.เกียรตินาคิน ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า ข้อมูลได้ยืนยันถึงการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของอุตฯ ยานยนต์ไทย จึงยังคงมีความเชื่อมั่นว่าอุตฯยานยนต์ไทยจะมีการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในปี 2555 โดยข้อมูลต่างๆ ที่เปิดเผยออกมาจากวงการยานยนต์ไทยยังคงมีทิศทางเดียวกันกับที่คาดการณ์และดีกว่าที่คาดด้วย โดยคาดยอดผลิตรถยนต์ปี 2555 ที่ราว 1.86 ล้านคัน เพิ่มขึ้น ~30% YoY ยังจึงคงแนะนำ "Overweight" กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์

3 ปัจจัยผลักดันอุตฯ ยานยนต์ไทยปีงูใหญ่ คือ นโยบายรถคันแรก, การเปิดตัวรถอีโคคาร์และรถกระบะโฉมใหม่ และกำลังการผลิตเพิ่มจาก 3 โรงงานใหม่ (FORD, MITSUBISHI, SUZUKI) มีกำลังการผลิตโรงละ 1-2 แสนคัน/ปี

พร้อมยังเลือก บมจ.สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี(SAT) และ บมจ.อาปิโก ไฮเทค(AH) เป็นหุ้น Top pick ของกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ และแนะนำ "ซื้อ" โดยประเมินราคาเหมาะสมในช่วง 12 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 25.30 บาท และ 14.20 บาท ตามลำดับ โดยหุ้น SAT มีจุดเด่นจากที่เป็นหุ้น Lead ของกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์และ AH มีจุดเด่นจากราคาหุ้นต่ำ คิดเป็นเพียง 0.61 เท่าของมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าค่า P/BV ของกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ที่อยู่ที่ราว 1.23 เท่า

อนึ่งมีรายงานข่าวออกมาว่า นายเคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้ามอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า โตโยต้าเตรียมที่จะลงทุน 8,200 ล้านบาท ในการสร้างโรงงานเกตเวย์ 2 ในชื่อ "โรงงานผลิตรถยนต์เกตเวย์ 2" จะเริ่มก่อสร้างเดือน ก.ค. 2556 พร้อมกับการเริ่มเปิดสายการผลิตอีกครั้งของโรงงาน TAW (Thai Auto Work) ที่เคยผลิตรถฟอร์จูนเนอร์ เมื่อเดือน ธ.ค.2554 โดยทั้ง 2 โรงงานสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 88,000 คันต่อปี และถ้ารวมการผลิตทั้ง 5 โรงงาน จะทำให้มีกำลังการผลิต 7.6 แสนคันต่อปี

ด้านนายฮิโรชิ นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการบริษัท ตรีเพชร อีซูซุเซลส์ จำกัด แนวโน้มตลาด อีซูซุมองไปในทิศทางเดียวกับค่ายรถยนต์อื่นๆ ว่า หลังกำลังการผลิตกับมาเดินเครื่องเป็นปกติ มีโอกาสที่ตลาดรถยนต์รวมในปีนี้จะทำสถิติขายสูงสุดถึง 1 ล้านคัน ซึ่งในจำนวนนี้จะเป็นสัดส่วนของปิกอัพ 50% หรือเพิ่มขั้นจากปี 2554 ที่มีสัดส่วนเพียง 42%"

--อินโฟเควสท์