Sunday, January 22, 2012

สรุปข่าวเศรษฐกิจรอบโลก 23 มค 55

ภาวะตลาดหุ้นประจำวันที่ 20 ม.ค. 

ดัชนี-ตลาด ปิดที่ระดับ เปลี่ยนแปลง 

ดาวโจนส์-ตลาดหุ้นนิวยอร์ค 12,710.48 + 96.50 
FTSE-ตลาดหุ้นลอนดอน 5,728.55 - 12.60 
DAX-ตลาดหุ้นเยอรมนี 6,404.39 - 11.87 
CAC-40-ตลาดหุ้นฝรั่งเศส 3,321.50 - 7.44 
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นมะนิลา 4,747.90 + 47.53 
เวทเต็ด-ตลาดหุ้นไต้หวัน ตลาดปิดทำการ 
S&P/ASX-ตลาดหุ้นออสเตรเลีย 4,239.60 + 24.80 
นิกเกอิ-ตลาดหุ้นโตเกียว 8,766.36 + 126.68 
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นโซล 1,949.89 + 34.92 
ฮั่งเส็ง-ตลาดหุ้นฮ่องกง 20,110.37 + 167.42 
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นมาเลเซีย 1,522.66 + 5.85 
FTSE STI-ตลาดหุ้นสิงคโปร์ 2,849.38 + 38.18 
คอมโพสิต-ตลาดหุ้นจาการ์ตา 3,986.51 - 14.55 
SET-ตลาดหุ้นไทย 1,058.66 - 0.28 
SET-50-ตลาดหุ้นไทย 739.56 - 1.04 
SET-100-ตลาดหุ้นไทย 1,608.94 - 2.03 

ราคาพันธบัตรปิดร่วง -- ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐร่วงลงในวันศุกร์ ขณะที่นักลงทุน 
มีความเห็นในเชิงบวกมากขึ้นต่อการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซ ซึ่งลดความต้องการพันธ 
บัตรรัฐบาล และก่อนการประมูลพันธบัตรใหม่มูลค่า 9.9 หมื่นล้านดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ ราคา 
พันธบัตรอายุ 10 ปีลดลง 07/32 มาที่ 100-06/32 โดยมีผลตอบแทน 1.979% และราคาพันธ 
บัตรอายุ 30 ปีลดลง 28/32 มาที่ 101-27/32 โดยมีผลตอบแทน 3.031% 

ยูโรร่วงขณะตลาดรอข้อตกลงปรับโครงสร้างหนี้กรีซ -- ยูโรร่วงลงจากระดับสูงสุด 
ในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในวันศุกร์ ขณะที่นักลงทุนมีความวิตกเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับ 
ผลของการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กรีซ ทั้งนี้ ดอลลาร์อยู่ที่ 76.960 เยน เมื่อเทียบกับระดับ 
ปิดตลาดวันพฤหัสบดีที่ 77.110 เยน ส่วนยูโรอยู่ที่ 1.2930 ดอลลาร์และ 99.520 เยน เมื่อ 
เทียบกับระดับปิดตลาดวันพฤหัสบดีที่ 1.2964 ดอลลาร์และ 99.980 เยน 

ราคาน้ำมันดิบปิดลบจากวิตกหนี้กรีซ,ศก.จีนอ่อนแอ -- ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วง 
หน้า NYMEX ปิดลดลงในวันศุกร์เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่นักลงทุนรอดูข้อตกลงการปรับโครง 
สร้างหนี้ของกรีซ และสัญญาณความอ่อนแอในภาคการผลิตของจีนทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับอุป 
สงค์ ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนก.พ.ครบกำหนดส่งมอบและปิดลดลง 1.93 ดอลลาร์ หรือ 
1.92% สู่ระดับ 98.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

ทองปิดบวกรับความหวังข้อตกลงปรับโครงสร้างหนี้กรีซ -- ราคาทองและโลหะเงิน 
ปิดปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ ขณะที่นักลงทุนเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มทางเทคนิคและแนวโน้มการทำข้อ 
ตกลงของรัฐบาลกรีซกับเจ้าหนี้เอกชนในเร็วๆนี้ ทั้งนี้ ราคาทองส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาด 
COMEX ปิดบวก 9.50 ดอลลาร์ ที่ 1,664.00 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาโลหะเงินส่งมอบ 
เดือนมี.ค.ปิดพุ่งขึ้น 1.166 ดอลลาร์ ที่ 31.675 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนที่ตลาด NYMEX ราคา 
พลาตินั่มส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดพุ่งขึ้น 14.30 ดอลลาร์ ที่ 1,532.30 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคา 
พัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดลดลง 2.70 ดอลลาร์ ที่ 675.70 ดอลลาร์/ออนซ์




SET:ปัจจัยจับตาการลงทุนวันนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวก-ราคาน้ำมันดิบปิดลดลง 


ต่างประเทศ 

*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดวันศุกร์พุ่งขึ้น และปิดสัปดาห์ก่อนบวกขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ 
คริสต์มาส หลังบริษัทไอบีเอ็ม และอินเทล เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง 
แม้ผลประกอบการของกูเกิล สร้างความผิดหวังให้กับตลาดก็ตาม โดยดัชนี 
ดาวโจนส์ปิดบวก 0.76% 
*วันศุกร์ ตลาดหุ้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปิดปรับตัวขึ้นลงแตกต่างกัน นำโดย 
ตลาดหุ้นสิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ ที่ดีดตัวขึ้น 1% หลังมีความคืบหน้าในการแก้ไข 
วิกฤติหนี้ยุโรป ซึ่งช่วยหนุนความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง ส่งผลให้มีแรงซื้อใน 
หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ส่วนตลาดหุ้นมาเลเซีย ขยับขึ้นเล็กน้อย แต่เวียดนาม 
และอินโดนีเซียอ่อนตัวลง 
*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนก.พ.ครบกำหนดส่งมอบและ 
ปิดลดลง 1.93 ดอลลาร์ หรือ 1.92% ปิดที่ 98.46 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ 
นักลงทุนรอดูข้อตกลงการปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซ และสัญญาณความอ่อนแอใน 
ภาคการผลิตของจีน ทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์ 
*ดัชนีค่าระวางเรือ(Baltic Dry Index) ปิดวันศุกร์ ลบ 31 จุด หรือ 3.47% สู่ 
862 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของปีนี้ และระดับสูงสุดของปีนี้อยู่ที่ 1624 
*รอยเตอร์ เปิดเผยผลสำรวจ ระบุว่า บริษัทผู้ผลิตของญี่ปุ่นยังคงคาดการณ์ในทางลบ 
ต่อสภาพธุรกิจของตนเป็นเดือนที่สองติดต่อกันในเดือนม.ค. ขณะที่วิกฤติหนี้ 
ยุโรป และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกทำให้แนวโน้มซบเซา 
*บริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ครองตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์ที่มียอดขายสูงสุด 
ของโลกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2007 หลังจากทำยอดขายได้มากกว่า 9 ล้านคัน 
ทั่วโลกในปีที่แล้ว 

เศรษฐกิจทั่วไป 

*กระทรวงพาณิชย์ เผยการส่งออกเดือน ธ.ค.54 มีมูลค่า 17,016 ล้านเหรียญสหรัฐ 
ลดลง 2.0% จากธ.ค.53 โดยลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 10% หลัง 
สินค้าอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นตัว ขณะที่สินค้าเกษตรโดยส่วนใหญ่ขยายตัวดี และระบุ การ 
ส่งออกของไทยในปี 54 เติบโต 17.2% ขณะที่ การนำเข้าเพิ่มขึ้น 24.9% ทำให้ไทย 
เกินดุลการค้า 335 ล้านเหรียญสหรัฐ 
*ปลัดกระทรวงพาณิชย์ คาดว่า การส่งออกปี 55 ของไทย น่าจะเติบโตเกินเป้าที่วาง 
ไว้ที่ 15% ตามตลาดโลกที่ยังขยายตัวดี 
*นายกรัฐมนตรี เผยแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ภายใต้วงเงิน 3.18 
แสนลบ. ซึ่งประกอบด้วยแผนปฏิบัติการในปี 55 เพื่อลดระดับความเสียหาย ที่อาจเกิด 
ขึ้นจากน้ำท่วมปีนี้ และแผนปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัยแบบบูรณาการและยั่งยืน 
*เลขาธิการ ก.ล.ต.คาดภายในครึ่งแรกปีนี้ จะเห็นการตั้งกองทุนตลาดเงินร่วมลงทุน 
มากขึ้น หลังออกเดินสายกระตุ้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยคาดว่าจะมีเงินทุนจากใน 
และต่างประเทศ เข้ามาลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ ก่อนผลักดันเข้าตลาดหุ้นต่อไป 
*นิด้าโพล เผยผลสำรวจความเห็นประชาชนส่วนใหญ่ มองสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจของ 
ไทย ยังอยู่ในระดับ"พอใช้" ขณะที่ประชาชนเกินครึ่งหนึ่ง ยังคงเชื่อมั่นต่อสถาบัน 
การเงิน หรือธนาคาร ผลสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ พึงพอใจต่อมาตรฐานการ 
ครองชีพในขณะนี้ และส่วนมากระบุว่า ชีวิตความเป็นอยู่เมื่อเทียบกับรายได้ ยังอยู่ 
ในระดับที่พออยู่ได้ ไม่ลำบาก 
*"กิตติรัตน์"ยืนยัน จะไม่มีการปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) ตลอดอายุของรัฐบาลชุดนี้ 
และมีแผนออกพันธบัตรออมทรัพย์ วงเงิน 1 แสนลบ.รองรับการปรับโครงสร้างการ 
ระดมทุน ตามพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) 3.5 แสนล้านบาท 
*นักเศรษฐศาสตร์-นายแบงก์ ฟันธง กนง.ประชุมนัดแรกพุธนี้ ลดดอกเบี้ย 0.25% รับผล 
กระทบน้ำท่วมและเศรษฐกิจโลกชะลอ ชี้หมดยุคดอกเบี้ยขาขึ้น มีโอกาสปรับลด 2 
ครั้งในครึ่งปีแรก ด้านแบงก์พาณิชย์อาจปรับลดตามในครั้งนี้(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ) 
*"บัณฑิต"จี้รัฐบาลเปิดร่าง พ.ร.ก.โอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ เผยมีหลายปมไม่ชัด ทั้ง 
เงื่อนเวลา-เครื่องมือการจัดการหนี้ของ ธปท. "ศุภวุฒิ" ห่วงนโยบายโอนหนี้ บีบ 
ธปท.ต้องหากำไร ต้องปล่อยค่าบาทอ่อน เสี่ยงเงินเฟ้อ ด้านปชป.ยื่นศาลรธน.ตีความ 
ทันทีเมื่อประกาศในราชกิจจาฯ(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ) 
*"อภิสิทธิ์" ควงแกนนำ ปชป. "ทัวร์อีสาน"ตัดหน้า ครม.นกแก้ว เรียกประชุมสาขาพรรค 
ฟังผู้สมัครแจงข้อเท็จจริง หลังถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีหนัก "ไม่ช่วยคนจน" แจง 
บาดแผล รบ.ปู 1 ผลักภาระ "น้ำมันแพง-ค่าไฟฟ้า-จำนำข้าว" ให้ประชาชน 
(นสพ.ASTV ผู้จัดการรายวัน) 
*กรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ดัน "เลิกแอลพีจี" ในระบบขนส่ง ลั่นไม่มีประเทศ 
ไหนในโลก ใช้ก๊าซหุงต้มเติมรถเก๋ง ระบุทำให้ราคาต้นทุนบิดพลิ้ว 
(นสพ.ASTV ผู้จัดการรายวัน) 

การเมือง 

*เอแบคโพลล์ ระบุ ประชาชนส่วนใหญ่ห่วงการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการแก้กฎหมาย ที่ไป 
กระทบต่อสถาบันหลักสำคัญของชาติ รวมถึงการช่วยเหลือเอื้อผลประโยชน์ ให้แก่พวก 
พ้อง อาจส่งผลต่อความขัดแย้งแตกแยกรุนแรงในหมู่ประชาชนได้ 
*เอแบคโพลล์ สำรวจพบ คนกรุงเทพฯส่วนใหญ่ 73.3% สนใจติดตามข่าวการก่อการร้าย 
ในเขตกรุงเทพฯ และส่วนใหญ่ 57.2% คิดว่า รัฐบาลไทยยังไม่มีความพร้อมเพียงพอ 
ในการเตรียมรับมือภัยพิบัติการก่อการร้าย และ 42.8% คิดว่ารัฐบาลไทยมีความพร้อม 
*"นิติราษฎร์" เสนอให้ "ส.ส.-ส.ว." คัดสรร 25 กรรมการขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญ 
ก่อนให้ประชาชนทำประชามติ คาดกระบวนการทั้งหมดใช้เวลาไม่เกิน 9 เดือน ด้าน 
นักวิชาการ อีกกลุ่มประสานเสียงย้ำแก้ รธน.ต้องตั้ง ส.ส.ร.รับฟังประชาชน และไม่ 
ควรจำกัดเวลา "วุฒิสาร" ชี้แก้รธน.ต้องไม่ก่อขัดแย้งสังคมรอบใหม่ 
(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ) 
*"นลินี" เปิดแถลงข่าวยันความสัมพันธ์กับปธน.และภรรยาซิมบับเว แค่ทางสังคม 
เท่านั้น ไม่มีเรื่องธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง อ้อนขอโอกาสทำหน้าที่ก่อน ครวญขอ 
ให้เป็นเหยื่อทางการเมืองรายสุดท้ายที่ถูกเล่นงานรุนแรง โพลล์ชี้ประชาชนพอใจ 
ปรับ ครม.เผยถูกใจ 3 รัฐมนตรี "ยุทธ์ศักดิ์-กิตติรัตน์-สุกำพล" ขณะที่ "นพดล" 
เผย "ทักษิณ" โผล่ร่วมทำบุญที่ลาว(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)




SET:คาดหุ้นไทยแกว่งแคบ หลังราคาน้ำมันลด-เริ่มใช้เกณฑ์ Trading Alert List 


*นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ คาดดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวกรอบแคบ หลังตลาดหุ้นภูมิภาค 
หลายแห่ง หยุดทำการในช่วงเทศกาลตรุษจีน ขณะที่ราคามันดิบปรับตัวลง รวมถึงเป็น 
วันแรกที่ตลาดหลักทรัพย์ฯเริ่มใช้เกณฑ์ Trading Alert List เตือนผู้ลงทุนให้ 
ระวังการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ราคา และปริมาณการซื้อขาย มีแนวโน้มผิดปกติ 
*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดวันศุกร์พุ่งขึ้น และปิดสัปดาห์ก่อนบวกขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ 
คริสต์มาส หลังบริษัทไอบีเอ็ม และอินเทล เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง 
แม้ผลประกอบการของกูเกิล สร้างความผิดหวังให้กับตลาดก็ตาม โดยดัชนี 
ดาวโจนส์ปิดบวก 0.76% 
*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนก.พ.ครบกำหนดส่งมอบและปิดลดลง 
1.93 ดอลลาร์ หรือ 1.92% ปิดที่ 98.46 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่นักลงทุนรอดู 
ข้อตกลงการปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซ และสัญญาณความอ่อนแอในภาคการผลิตของจีน 
ทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์ 
*วันศุกร์ต่างชาติซื้อสุทธิ 997.55 ลบ.จากวันพฤหัสบดีขายสุทธิ 2.76 พันลบ. 
*เช้านี้บาท/ดอลลาร์อยู่ที่ 31.52/56 เมื่อวันศุกร์อยู่ที่ 31.55/59 
*นักวิเคราะห์มองแนวรับที่ 1,050 และ 1,046 และแนวต้านที่ 1,067 และ 1,070 จุด 

"วันนี้ sideways แกว่งแคบ ให้น้ำหนักไม่น่าจะผ่านบริเวณ 1,067 และ 1,070 จุด 
ส่วนหนึ่งตลาดหุ้นเอเชียวันนี้หยุดกัน...ที่น่าสนใจราคาน้ำมันปรับตัวลง อาจทำให้หุ้น 
มาร์เก็ตแคปบ้านเราที่อิงกับปิโตรฯ พลังงานพักตัวได้"นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการ 
ฝ่ายกลยุทธ์ตลาดทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าว 
ตลาดหุ้นภูมิภาคหลายตลาด ส่วนใหญ่หยุดทำการในวันนี้ เนื่องในเทศกาลตรุษจีน 
ได้แก่ ตลาดหุ้นจีน, ฮ่องกง, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, เกาหลีใต้, ฟิลิปปินส์, 
ไต้หวัน และเวียดนาม 
นายชัย กล่าวว่า นักลงทุนยังจับตาปัจจัยภายในประเทศ ทั้งการทยอยประกาศผล 
ประกอบการปี 54 ของกลุ่มแบงก์ ซึ่งอาจจะทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง รวมถึงการที่ 
ตลาดหลักทรัพย์ฯประกาศใช้เกณฑ์ Trading Alert List เป็นวันแรก อาจจะกระทบต่อจิตวิทยา 
ระยะสั้น สำหรับหุ้นเก็งกำไร 
นอกจากนี้ ยังรอดูการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ในวันที่ 25 ม.ค. 
ซึ่งตลาดคาดว่าอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% โดยปัจจัยเหล่านี้อาจจะทำให้ 
นักลงทุนระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น และทำให้การปรับขึ้นของดัชนีอยู่ในกรอบจำกัด 

ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญ 
*ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันศุกร์ ปิดลบ 0.28 จุด หรือ 0.03% 
มาที่ 1,058.66 ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 26,363.04 ล้านบาท 
*ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เมื่อวันศุกร์ ปิดบวก 96.50 จุด หรือ 0.76% มาที่ 
12,720.48 และดัชนีแนสแดค ปิดลบ 1.63 จุด หรือ 0.06% มาที่ 2,786.70 
*ตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ ส่วนใหญ่ปิดทำการเนื่องในวันตรุษจีน โดยตลาดหุ้นที่ 
เปิดทำการ ได้แก่ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น บวก 0.15% 

จับตาหุ้น 
*KTB เผยปี 54 กำไรสุทธิเพิ่มเป็น 1.70 หมื่นล้านบาท 
*BBL เผยปี 54 กำไรสุทธิเพิ่มเป็น 2.73 หมื่นล้านบาท 
*KBANK เผยปี 54 กำไรสุทธิเพิ่มเป็น 2.42 หมื่นล้านบาท 
*BAY ตั้งเป้าสินเชื่อรวมปี 55 โต 11% จากปีก่อน ตามภาวะเศรษฐกิจขยายตัว 
*THAI คาด Q4/54 ขาดทุนสุทธิ ผลกระทบจากน้ำท่วม-ต้นทุนน้ำมันสูงขึ้น 
*OFM คาดกำไรสุทธิปี 55 ดีกว่าปีก่อน ตั้งเป้ารายได้โต 20% 
*BANPU คาดรายได้ปี 55 โต 15-20% จากปีก่อน,ลงทุนราว $600 ล้าน 
*SABINA ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตราว 10% จากปีก่อน, เล็งขึ้นราคาสินค้า 
*AIT คาดปีนี้รับรู้รายได้ 50% ของมูลค่างานกระทรวงศึกษา 553 ลบ. 
*LPN มองกำไรสุทธิปีนี้โตต่อเนื่อง ตามรายได้ที่คาดโต 10% จากปีก่อน 
*CWT คาดยอดขายปีนี้โตราว 40% จากปีก่อน,ล้างขาดทุนสะสมหมด

No comments:

Post a Comment